ว่านหน้าทอง พระกษัตริย์สร้าง

 

          ตามตำนานการสร้างพระเครื่อง เมืองกำแพงเพชร จากจารึกลานเงินที่พบในกรุวัดพระบรมธาตุเมืองนครชุมซึ่งค้นพบโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง กรุงเทพ มีใจความสำคัญว่า ....มีฤษี 11 ตน ฤษีเป็นใหญ่ 3 ตน ชื่อฤษีพิลาไลย ฤษีตาไฟ ฤษีตางัว ได้คิดทำพระเครื่องถวายแด่พระยาศรีธรรมาโศกราช จึงไปนำวัตถุมงคลมาประกอบเป็นพระเครื่อง โดยนำแร่ธาตุต่างๆมาผสมกันตามส่วนจนเป็นสีฟ้ามันวาว เรียกกันว่าเมฆพัด เก็บว่านอันมีฤทธิ์ มาพันชนิด เก็บเอาเกสรไม้อันวิเศษอีกพันชนิด นำของวิเศษมารวมกัน แล้วให้เทวดาช่วยกันบดส่วนผสม ทำเป็นพระพิมพ์แบบหนึ่ง ทำเป็น พระเมฆพัดสถานหนึ่ง โดยให้เอาว่านทำเป็นผงเป็นก้อนประดิษฐานด้วยมนตร์คาถามีคุณดังนี้
                    1.แม้อันตรายสักเท่าใด ให้นิมนต์พระใส่ศีรษะ อันตรายทั้งปวงหายสิ้น
          2. ถ้าทำการสงคราม ให้เอาพระใส่น้ำมันหอม แล้วใส่ผม จะไม่ต้องศัตราวุธ
          3. ถ้าจะใคร่มาตุคาม (สตรี) เอาพระสรงน้ำมันหอมใส่ ใบพลู ทาตัว
          4. ถ้าจะเจรจาให้สง่างาม คนเกรงกลัวเอาพระใส่น้ำมันหอมหุงขี้ผึ้งเสกทาปาก
          5.ถ้าค้าขาย หรือเดินทาง เอาพระสรงน้ำหอมเสกด้วยพระพุทธคุณ
          6. ถ้าเป็นความกัน ให้เอาพระสรงน้ำหอม เอาด้าย 11 เส้น ชุมน้ำมันหอมนั้นและทำไส้เทียนตามถวายพระ แล้วพิษฐานตามใจชอบ ......จารึกลานเงินยังบันทึกว่า.....พระเกสรก็ดี พระว่านก็ดี พระปรอทก็ดี อานุภาพดังกำแพงล้อมกันภัยแก่ผู้นั้น

          ......จากการที่เมืองกำแพงเพชรของเรามีพระดี ทำให้ วัดทุกวัดกว่าร้อยวัด ถูกขุดไม่มีชิ้นดี ในช่วง 80ปีที่ผ่านมา ราวพ.ศ. 2470 คนทุกสารทิศ ต่างมาล่าพระเครื่องเมืองกำแพงกันอย่างชุลมุน แม้จะผิดกฎหมายแต่ไม่มีใครเกรงกลัว ต่างขุดกันจนทำให้โบราณสถานและโบราณวัตถุพินาศสิ้นแม้ในปัจจุบันปีพ.ศ.2550 ก็ยังมีการลักลอบขุดกันเนืองๆ
          พระว่านหน้าทอง เป็นพระอีกประเภทหนึ่งที่งดงามมากและไม่ใคร่มีผู้ใดเขียนถึง องค์พระเป็นเนื้อว่านแล้วมีแผ่นทองประกบด้านหน้าไว้อีกชั้นหนึ่งทำให้ดูขลังและงดงามมาก นอกจากจะพบที่สุโขทัยแล้ว ยังพบที่กำแพงเพชร ในวัดใหญ่เกือบทุกวัด
          ในการพบพระว่านหน้าทองยุคแรกๆ ที่วัดพระบรมธาตุ นครชุม ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังของกษัตริย์เมืองนครชุม มีผู้เฒ่าเล่าว่า ผู้คนที่ขุดพบจะเอาเฉพาะพระบูชา ส่วนพระว่านหน้าทองนั้น ก็จะลอกเอาเฉพาะทองไปหลอมสิ้นเพื่อทำลายหลักฐาน ทิ้งองค์พระไว้ไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ ปล่อยให้สลายไปตามธรรมชาติ ผู้ขุดพบพระว่านหน้าทอง เล่าว่าจะพบไม่มาก ในกรุๆหนึ่ง พบทั้งพระซุ้มกอ พระเม็ดขนุน พระท่ามะปราง พระเปิดโลก พลูจีบ ที่เป็นหน้าทอง
          การใช้ทองคำหล่อพระจะพบมากที่วัดหลวง พระว่านหน้าทองเช่นกัน จะพบมากที่วัดหลวง ทองคำกับประชาชน นั้น....ในสมัยโบราณ ประชาชนไม่มีโอกาสที่จะใช้ทองคำมาประดับร่างกาย เพราะใช้สำหรับพระยามหากษัตริย์เท่านั้น ดังนั้นเครื่องราชูปโภคของพระเจ้าแผ่นดินจึงทำด้วยทองคำทั้งสิ้น มีเพลงร้องเล่นของคนไทยแต่สมัยโบราณ ...ร้องขอสิ่งมีค่าให้แก่น้อง ได้พูดถึงโลหะมีค่าที่สุดเพียง แค่ทองแดงเท่านั้น มิใช่ทองคำ ดังที่ว่า....
          จันทร์เอ๋ย....จันทร์เจ้า....ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง ขอเตียงตั่ง ให้น้องข้านอน ขอละครให้น้องข้าดู .........
          สิ่งที่ขอล้วนเป็นสิ่งสูงส่งอย่างที่สามัญชนอยากได้ จึงมาผูกเป็นเพลงร้อง และขอได้เพียง แหวนทองแดง
          พระว่านหน้าทอง ยุคหลังสุดขึ้นที่วัดพระแก้ว กลางเมืองกำแพงเพชรนี้เอง เมื่อประมาณสิบปีที่ผ่านมา มีผู้พบ พระจำนวนมาก พุทธลักษณะ ล้วนงดงาม ผู้พบเล่าลือต่อๆกันมาว่า เมื่อขุดถึงชั้นหินศิลาแลง คนรุ่นเก่ามิได้ ขุดต่อไป นำเพียงพระพุทธรูปขึ้นจากกรุจำนวนมาก แต่แท้แล้วใต้กรุที่พบพระบูชา กับมีพระเครื่องที่เรียกกันว่าพระว่านหน้าทองจำนวนมาก และพระว่านหน้าทองทั้งหมด ได้หายไปจากกำแพงเพชรเกือบทั้งสิ้น เพียงไม่ข้ามวัน สนนราคาเช่ากันขณะร้อนๆ เพียงเลข ห้าหลัก ปัจจุบันบางส่วนอยู่ในมือคหบดี พ่อค้า ที่หักคอผู้พบไป... ปัจจุบันราคาอยู่ที่ เลขหกหลัก พบประกาศให้เช่าทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต ล้วนเป็นพระว่านหน้าทองที่ไปจากวัดพระแก้วกลางเมืองกำแพงเพชรทั้งสิ้น
          ทำไมที่วัดพระแก้วจึงมีพระว่านหน้าทองจำนวนมาก....เป็นคำถามที่น่าสนใจยิ่งนัก..... วัดพระแก้วเดิมชื่อวัดอะไรไม่ปรากฏ แต่เมื่อตามตำนานพระแก้วมรกต ว่าพระแก้วมรกตเคยเสด็จมาโปรดสัตว์ที่เมืองกำแพงเพชร จึงสันนิษฐานว่าต้องมาอยู่ที่วัดนี้ และเรียกกันว่าวัดพระแก้ว ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าหลวง..... วัดพระแก้ว สร้างราวพุทธศักราช 1800 – 1900 กษัตริย์ผู้สร้าง ตั้งใจให้เป็นวัดประจำพระราชวัง ของเมืองกำแพงเพชร เป็นวัดขนาดใหญ่มาก... แน่นอนสร้างกันต่อเนื่องหลายสมัย จน วัดพระแก้วยาวเลื้อยไปตามแนวกำแพงเมือง การค้นพบพระพุทธรูปทองคำ และพระว่านหน้าทองที่วัดพระแก้ว จึงมิแปลกอะไร เพราะผู้สร้างวัดพระแก้วและผู้สร้างเมืองกำแพงเพชร ได้สร้างทั้งสองสิ่งพร้อมกัน ตามธรรมเนียม เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง พร้อมสร้างหลักเมืองด้วยตามแบบของพราหมณ์ด้วย
          พระว่านหน้าทองจึงเป็นสมบัติเก่าแก่ของเมืองกำแพงเพชร กษัตริย์เมืองกำแพงเพชร พระองค์แรก ที่สร้างเมือง ได้สร้างบรรจุพระไว้ ใต้ฐานพระเจดีย์ ใต้ฐานพระพุทธรูป ใต้ฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งปวงเพื่อสืบพระศาสนา เมื่อวัดสูญสิ้นไป ผู้ขุดพบพระเครื่องพระบูชาจึงรู้ว่า ที่นี้คือวัด แต่มิทันเป็นดั่งคิด พระเครื่องและพระบูชาได้ถูกขุดไปสิ้น ความงามและความทรงคุณค่าทางศิลปะของพระว่านหน้าทองนอกจากเนื้อทองคำที่ปิดหน้าพระไว้ เมื่อลอกออก พบเนื้อว่านและพุทธลักษณะที่งดงามมาก
          พระท่ามะปราง พระเม็ดขนุน พระเปิดโลก พระซุ้มกอ พระพลูจีบ ที่เสด็จขึ้นมาบนพื้นโลกหลังจากที่อยู่ในกรุมาหลายร้อยปี งดงามมากกล่าวกันว่า ใครได้ครอบครองไว้ เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ทางด้านคลาดแคล้วและเมตตามหานิยมยิ่งนัก คนกำแพงเพชร น้อยคนนักที่เคยเห็นและได้ครอบครองสมบัติอันล้ำค่าของคนกำแพง...... พระว่านหน้าทอง พระที่กษัตริย์สร้าง....