มดงามกับจักจั่น

         นิทานอิสป เป็นนิทานที่กินใจและถูกใจประชาชนมาเกือบ 3000 ปี อีสป นักเล่านิทานเป็นบุคคลที่มีชีวิตจริง ก่อนสมัยพุทธกาล ท่านฉลาดหลักแหลมมาก นำตัวละครที่เป็นสัตว์มาเปรียบเทียบสั่งสอนมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน เรื่องมดง่ามกับจักจั่น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากนิทานอิสปเปรียบเทียบ มดงามกับคนที่รู้จักทำมาหากินไม่ประมาท ส่วนจักจั่นนั้นเปรียบกับคนที่ประมาทไม่รู้จักการเก็บออม ไว้กินในฤดูที่ขาดแคลน จึงกลายเป็นคติสอนใจที่น่าสนใจมาก ในยุคของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ผู้คนสนใจ แต่หาคนเข้าใจอย่างแท้จริงได้ยากนัก
           
ที่โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม ได้จัดการแสดงนิทานเรื่องมดง่ามกับจักจั่นขึ้น เพื่อให้เยาวชนได้เข้าใจเรื่องราวของ เศรษฐกิจพอเพียงและการมีความเป็นอยู่อย่างฉลาดและประมาณตน โดยนำ
มดง่าม ผู้เป็นตัวแทนของความขยันขันแข็ง หากินทั้งกลางวันกลางคืน ในทุกฤดูกาล เพื่อสะสมอาหารในฤดูขาดแคลน
          ส่วนจักจั่นเป็นตัวแทนของความประมาท ไม่รู้จักประมาณตนไม่รู้จักตนเอง เอาแต่เที่ยวเตร่ ไม่รู้จักอดออม เมื่อถึงฤดูขาดแคลนอาหาร ทำให้ไม่มีอาหารกิน นับว่าน่าเวทนามาก ดังท่านจะได้ชมละคร เรื่องมดง่ามกับจักจั่น.........( ปล่อยการแสดงจนจบ)
           
อีสป เป็นนักเล่านิทานผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ใช้วิธีการเล่าด้วยการเปรียบเทียบถ้าคนไม่ฉลาดพอจะไม่เข้าใจว่า อีสปหมายถึงใครหรือหมายถึงอะไร ท่านจะใช้สัญลักษณ์ ของสัตว์แทนอาทิ
           
           สุนัขจิ้งจอก หมายถึงมนุษย์เจ้าเล่ห์
           
           กระต่าย หมายถึงผู้ซื่อบริสุทธิ์
           
           สิงโต หมายถึงผู้มีศักดิ์ศรีมีอำนาจ
           บรรดานักการเมืองในสมัยนั้นไม่ชอบอีสปเพราะอีสป เล่านิทานปลุกระดมให้ประชาชนฉลาดขึ้น ในที่สุดมีผู้เชื่อฟังและเข้าใจในการเล่านิทานของอีสปมากขึ้น ทำให้นักการเมืองเหล่านั้นไม่พอใจ
จึงหาทางฆ่าอีสป เสีย โดยเอาขันทองคำของกษัตริย์มาไว้ในย่ามของอีสป ท่านจึงถูกตัดสินให้ถู ูกโยนจากหน้าผา ทำให้ท่านเสียชีวิต
           ถึงแม้อีสปตายไปแล้วเกือบสามพันปี แต่นิทานอีสปยังไม่ตายไปพร้อมกับอีสป แต่กลับมีคนรู้จักนิทานอีสปทั้งโลก และเป็นประโยชน์ต่อสังคม และทันสมัยอยู่เสมอ ไปอีกนานเท่านาน
           
อีสปจึงเป็นนักเล่านิทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในโลก และมีคนรุ้จักมากเท่าๆกับศาสดาในศาสนาเลยทีเดียว