| |
|
| จรัสรุ่งจรุงศรี
|
นามานีศรีสมัย |
| ชากังราวพราววิไล |
ธำรงไว้ในความงาม |
| โบราณสถานล้วน |
ต่างคู่ควรแห่งสยาม |
| มรดกโลกยกย่องนาม |
ทั่วเขตคามพาชื่นชม |
| กำแพงป้อมประตุ |
ยังคันคูดูเหมาะสม |
| เชิงเทินเพลินอารมณ์ |
ช่างกลืนกลมคู่เสมา |
| พระแก้วแพรวเพริศพิศ |
เทพนิมิตสร้างรักษา |
| ประดิษฐ์องค์ปฏิมา |
เหนือไพทีบุษบกทอง |
| วัดพระธาตุเจดีย์หลวง |
แสนชื่นทรวงพาสนอง |
| มาลัยลุกแก้วกรอง |
เพ่งพิศมองกลีบบัวราย |
| บัลลังก์ฐานก้านฉัตร |
งามประภัสร์ดูเฉิดฉาย |
| ปล้องไฉนล้วนลวดลาย |
ปลียอดปลายดาษตา |
| อรัญญิกอารามสงฆ์ |
พระบรรจงบวรค่า |
| เสาใหญ่ในศิลา |
ชื่นใจมาพาคู่ควร |
| พระสี่อิริยาบถ |
งามใสสดน่าสงวน |
| จัตุรมุขสุขเชยชวน |
พุทธล้วนคงความจริง |
| ช้างรอบขอบคชสาร |
งามวิหาร ณ วัดสิงห์ |
| อาวาสสงฆ์พักพิง |
มงคลมิ่งเฟื่องธานี |
| จงรักษ์โบราณสถาน |
ให้ชั่วกาลเป็นเกียรติศรี |
| โลกรู้ไทยมีดี |
ทั่วปฐพีก้องเกียงไกร. |
| |
|
| พิศฟ้านภากว้าง
|
ตะวันร้างกระจ่างศรี |
| ชื่นชมสมฤดี |
จะหาที่ใดเปรียบปราน |
| แสงทองเรืองรองเลิศ |
ชื่นชมเชิดสุขพิศาล |
| มัจฉาแหวกท้องธาร |
เวียนวนว่ายใจอาทร |
| ลมพลิ้วพริ้งพราวเพริศ |
ฤดีเลิศสโมสร |
| ลืมทุกข์อาลัยวร |
เย็นชื่นฉ่ำล้ำสมจินต์ |
| ยุวกวีแก้ว
|
บรรเจิดแพร้วอักษรศิลป์ |
| กรองแก้วศิลปิน |
เรียงร้อยถ้อยสุวาจา |
| ตัวฉันนั้นยังเด็ก |
ตัวเล็กๆอ่อนพรรษา |
| ไม่เจนจำนรรจา |
เสนาะเพราะพูดพาที |
| พากเพียรเรียนอักษร |
ปัญญาอ่อนเชือนวิถี |
| ร้องรับขับดนตรี |
ที่เพราะยากลำบากใจ |
| ขอรบกวนครูด้วย |
เอ็นดูช่วยปรับแก้ไข |
| อย่าเพิ่งถอดถอนใจ |
ในตัวศิษย์ระอิดระอา |
| ดาราพริ้งพราวเพริศ |
วิจิตรเลิศทั่วทิศา |
| จำจรจำจากลา |
กุศลพาสุขสวัสดี. |
| ประวัติเมืองกำแพง |
ชื่อแข็งแกร่งดั่งหินผา |
| มรดกล้ำค่า |
เมืองโบราณเจ็ดร้อยปี |
| สตรีนั้นแสนสวย |
รสชาติกล้วยไข่ก็ดี |
| ขึ้นชื่อของที่นี่ |
และยังมีพระซุ้มกอ |
| อีกทั้งแหล่งน้ำมัน |
โบราณนั้นงามมากหนอ |
| ได้ยินคำเยินยอ |
กล่าวขานเรื่องเมืองกำแพง |
| ข้างสายน้ำยามเย็น |
กล่าวขานเรื่องเมืองกำแพง |
| สะท้อนส่องธารา |
ท้องนภาดับอับแสง |
| วิหคบินกลับรัง |
ในเมื่อครั้งสายันต์แดง |
| จากเคยจรัสแจ้ง |
เริ่มดับคล้อยราตรีเยือน |
| ราตรีที่มืดมน |
ทุกแห่งหนจันทราเคลื่อน |
| ประดับแสงดาวเดือน |
ทั่วกลาดเกลื่อนท้องนภา |
| ค่ำคืนที่มืดมิด |
เหมือนชีวิตผ่านพ้นมา |
| แรงกายที่เหนื่อยล้า |
เมื่อถึงคราวเพลาเย็น |
| ดวงเดือนเตือนราตรี |
หมู่ดาวนี้มีให้เห็น |
| แสงจันทร์ส่องวันเพ็ญ |
สวยงามเด่นทิวากาล |
| สุริยันพ้นฟ้า |
เหมือนกับว่าเมื่อวันวาน |
| ชีวิตได้พ้นผ่าน |
ดั่งราวปานเสี้ยวนาที |
| ยามเย็นอาทิตย์ตก |
มวลหมู่นกเหินกลับรัง |
| นั่งมองเพียงลำพัง |
ที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง |
| อาทิตย์เริ่มหลับใหล |
เหมือนว่าใกล้จะโดนทิ้ง |
| เหลือแต่เดือนกับดิน |
สุดถวิลยามราตรี |
| ดวงเดือนเริ่มทอแสง |
ดวงดาวแรงแสงริบหรี่ |
| มืดมนลงทุกที |
นภานี้เปลี่ยนสีไป |
| น้ำปิงเริ่มไหลลับ |
บินหวนกลับเหมือนวันใหม่ |
| เศร้าสดสลดใจ |
กลัวมิได้กลับมาเยือน. |
| สายน้ำที่ไหลเย็น
|
สาดกระเซ็นเห็นมัจฉา |
| น้ำใสเห็นตัวปลา |
ว่ายไปมาในสาคร |
| สายลมที่พัดผ่าน |
คิดถึงบ้านดวงสมร |
| ใบไม้ที่ปลิวว่อน |
แลดูงามอร่ามตา |
| สายใจมิวายคิด |
โอ้แม่จิตนารีข้า |
| ตัวพี่รอนรานมา |
หาความรู้คู่กวี |
| สายแสงสุริยา |
สาดส่องมาแสนเรืองศรี |
| ยิบยับจับฤดี |
ส่องสาดขึ้นในโลกา |
| สายรุ้งอันสวยงาม |
ดูอร่ามแสนสง่า |
| สายน้ำอันล้ำค่า |
คือสายชลเลี้ยงชีวัน |
| สายเส้นลงอักษร |
ใส่คำกลอนให้เสกสรร |
| สายเดือนสายตะวัน |
ช่วยบรรจงลงกวี. |
| |
|
| ชื่อเมืองกำแพงเพชร
|
งามก่องเก็จเลื่องลือค่า |
| ประวัติโบราณมา |
ทั่วอาณาเขตนิคม |
| เมืองแห่งศิลาใหญ่ |
คงเหลือไว้ให้โลกชม |
| โครงสร้างอย่างเหมาะสม |
รื่นอารมณ์ไม้พรรณงาม |
| วัดพระอารามใหญ่ |
งามวิไลศรีสยาม |
| โลการะบือนาม |
ทุกเขตคามคู่แผ่นดิน |
| ศิลปะแต่โบราณ |
ร่วมสืบสานวรรณศิลป์ |
| รุ่งเรืองเฟื่องประทิน |
ล้วนทั้งสิ้นถิ่นแหลมทอง. |
| |
|
|