ดั่งจินตนาการ

          ดวงอาทิตย์ใกล้ตจะลับขอบฟ้า แสงสีทองค่อยๆจางหายไปทุกที ใบไม้พลิ้วไหวลู่ลมเส้นผมก็พลิ้วตามไปด้วย สายธารากว้างไกลไร้ขอบเขตช่างน่ามอง สีครามอ่อนช่างกลืนกับท้องนภาเสียจริง ลูกคลื่นใหญ่น้อยดูมีชีวิตชีวากำลังโลดแล่นเข้าฝั่งดั่งกับมีเพลงกล่อมบรรเลงเร้าใจ ผู้คนค่อยๆเพิ่มจากหนึ่งเป็นสิบ บ้างลงเล่นน้ำ บ้างก็ชมทิวทัศน์บ้างก็เดินเล่น
          เฉันนั่งอยู่ตรงบันไดริมฝั่งน้ำปิง ด้านหน้าสีฟ้าอร่ามทั้งน้ำทั้งฟ้ากลืนเป็นหนึ่งเดียว สายลมที่พัดเย็นทำให้ฉันรู้สึกง่วงขึ้นมาทันที
         แต่ทันใดนั้นสายตาที่กำลังจ้องสายน้ำอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นน้ำวนเป็นกรวยกลมลึกลงไปได้น้ำ แล้วฉันก็เบิกตากว้าง....ภาพที่เห็นตรงหน้ายากเกินจะบรรยาย
          บริเวณน้ำวนเปลี่ยนเป็นสีมรกต สายลมที่พัดผ่านหยุดชงักไปทันทีน้ำที่จมลึกนั้น ก็มีบางสิ่งบางอย่างผุดขึ้นมาแทนที่
          อสรพิษร่างยักษ์ชูช่อโผล่พ้นน้ำ ตัวใหญ่ยักษ์หลายสิบเมตร โบกสะบัดคออันยาวระย้าไปมา เกล็ดสีนิลมันวาวเรียงกันเป็นชั้นๆ มันวาวสะท้อนกับแสงอาทิตย์ดั่งประติมากรรมอันงดงาม ดวงตากลมโตนัยน์ตาแดงฉาดดั่งเปลวเพลิงอันร้อนแรงและพร้อมที่จะแผดเผา ร้องคำรามลั่น
          ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบมองหาเพื่อนร่วมชะตากรรม แต่ทว่าผู้คนมากมายที่เห็นในตอนแรกนั้นหายไปเสียแล้ว เหลือแต่เพียวความว่างเปล่าฉันหันกลับมามองอสรพิษยักษ์ตัวนั้น มันกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฉันอย่างรวดเร็วฉันกำมือแน่น ใจสั่นระรัวยิ่งกว่ากลองบรรเลงในงานครื้นเครงเสียอีก
          ทันใดนั้นอสรพิษก็จู่โจมเข้ามา มันอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันที่แหลมคมพร้อมที่จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง อ๊าย!!!! ฉันหลับตาแล้วกรีดร้อง แต่กลับไม่มีเกิดขึ้น ฉันค่อยๆลืมตาภาพตรงหน้าค่อยๆชัดขึ้น ไม่มีอสรพิษยักษ์ ไม่มีแม้เสียงคำราม ผู้คนเดินกันให้ทั่วและครื้นเครงดังเดิม ที่แท้ฉันก็เผลอหลับไปหรือนี่ ........