หัวข้อ: ตอน ๒ เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก” ก่อน เริ่มหัวข้อโดย: apairach ที่ มีนาคม 06, 2025, 11:34:27 am เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก”
ก่อนถึงวันพระราชทานเพลิงศพพระเทพวชิรเมธี,ผศ.ดร. (วีระ วรปญฺโญ) เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร และเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง ตอนที่ ๒ : การศึกษาภาคบังคับ เมื่ออายุครบตามเกณฑ์ที่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้ หลวงพ่อก็เข้ารับการศึกษาใน ระดับชั้นเด็กเล็กและชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านคุยป่ารังซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน หลวง พ่อเล่าว่า ตอนนั้นที่โรงเรียนบ้านคุยป่ารังมีครูอยู่ไม่กี่คน ท่านจำได้ว่าตอนเรียนตั้งแต่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีครูผู้สอนชื่อ ครูจรัส แจ่มหม้อ หลวงพ่อไม่เคย ลืมบุญคุณของครูจรัสเลย และมักจะพูดเสมอว่าที่สามารถอ่านออกเขียนได้จนมาเป็นครูเป็น อาจารย์สอนคนอื่นได้ก็เพราะครูจรัสที่เอาใจใส่และบังคับให้ฝึกอ่านฝึกเขียนจนสามารถมีความรู้ ทางภาษาพอเอาตัวรอดได้ หลวงพ่อศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนบ้านคุยป่ารังจนสำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๔ ซึ่งเป็นระดับชั้นการศึกษาสูงสุดของโรงเรียนบ้านคุยป่ารังในขณะนั้นเมื่อราวปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงพ่อเล่าว่า ด้วยความที่โรงเรียนบ้านคุยป่ารังเปิดทำการเรียนการสอนถึงแค่เพียงชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นระดับการศึกษาภาคบังคับในสมัยนั้น จึงทำให้หลวงพ่อสำเร็จการศึกษา เพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แต่มีความสามารถอ่านออกเขียนได้ และมีความจำเป็นเลิศเป็นที่ ชื่นชมของครูผู้สอน หลวงพ่ออยากจะเรียนต่อให้จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็น ระดับการศึกษาที่สูงทีเดียว แต่ด้วยความที่อยู่หมู่บ้านห่างไกลและมียังมีน้องอีกหลายคนที่ต้องเข้า เรียนหนังสือ ทำให้โยมบิดาไม่อนุญาตให้หลวงพ่อเดินทางมาเรียนที่โรงเรียนต่างหมู่บ้าน หลวงพ่อ มักจะพูดเสมอว่า “เราเนี่ยจบแค่ ป.๔ ทำไงได้ก็เรามันอยู่บ้านนอก จบ ป.๔ แล้วก็ออกโรงเรียนไป เลี้ยงควาย ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาเรียนจนจบด๊อกเตอร์กับเขา สมัยนั้นด๊อกเตอร์คืออะไรก็ยังไม่รู้จักเลย” ด้วยความที่หลวงพ่อสามารถอ่านออกเขียนได้จากโรงเรียนบ้านคุยป่ารังจึงทำให้หลวงพ่อ มีความรักและผูกพันกับโรงเรียนแห่งนี้มาก ต่อมาในราว พ.ศ. ๒๕๔๕ โรงเรียนบ้านคุยป่ารังมี จำนวนนักเรียนที่ลดลงอย่างมาก ผู้บริหารและคณะครูส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่น ย้ายมารับตำแหน่ง แล้วก็รอเวลาย้ายไปอยู่ที่อื่นต่อ ทำให้ผู้ปกครองมองว่าคุณภาพการศึกษาลดลง แล้วส่งบุตรหลาน ไปเรียนในโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่กว่าในเขตตัวอำเภอ จนนำไปสู่การสอดรับนโยบายที่จะมีการยุบ รวมโรงเรียนบ้านคุยป่ารังเข้ากับโรงเรียนบ้านวังควงซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง เป็น เหตุให้หลวงพ่อพยายามที่จะรักษาสถานภาพของโรงเรียนบ้านคุยป่ารักที่ท่านรักแห่งนี้เอาไว้จึง เข้ามารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขึ้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านคุยป่ารัง เพื่อหา แนวทางในการรักษาและพัฒนาโรงเรียนแห่งนี้ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ หลวงพ่อได้มีตำแหน่งเป็น กรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต ๑ ซึ่งกำกับดูแลโรงเรียนในอำเภอพรานกระต่ายพอดี ทำให้เห็นทิศทางการช่วยเหลือผู้บริหารและคณะครูประคับประครองและ พัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของโรงเรียนบ้านคุยป่ารัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ปกครองในการ นำบุตรหลานเข้ามาเรียน หลวงพ่อได้จัดทำผ้าป่าการศึกษาเพื่อนำเงินมาปรับปรุงพัฒนนาภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม ภายในโรงเรียน นำเงินส่วนตัวมามอบให้โรงเรียนในการจัดหาอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย และที่ สำคัญคือ หลวงพ่อได้ใช้เงินส่วนตัวจำนวนหนึ่งเป็นเงินเดือนเพื่อจ้างบุตรหลานของชาวบ้านที่ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาชีพครูมาเป็นครูอัตราจ้างของโรงเรียน ซึ่งหลวงพ่อได้ ดำเนินแนวทางดังกล่าวร่วมกับผู้บริหาร คณะครูและชาวบ้านมาได้ราว ๒ - ๓ ปี ความพยายาม ทุกอย่างก็ประสบความสำเร็จ โรงเรียนบ้านคุยป่ารังกลับมามีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น การมีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้ได้รับการจัดสรรตำแหน่งบรรจุครูผู้สอนเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย จากโรงเรียนเล็ก ๆ ในตำบลสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาจนทำให้นักเรียนชนะเลิศการแข่งขัน ทักษะทางวิชาการในระดับเขตพื้นที่การศึกษาหลายกิจกรรม และโรงเรียนก็ได้รับรางวัล ระดับประเทศหลายรางวัล จนทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านข้างเคียงส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียน บ้านคุยป่ารัง ขณะเดียวกัน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุกวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี หลวงพ่อจะพาญาติ พี่น้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับโยมบิดามารดาที่บ้านเกิด และช่วงสาย ๆ ก็จะจัดให้มีกิจกรรมเปิด โอกาสให้ชาวบ้านคุยป่ารังสรงน้ำขอพรจากหลวงพ่อและผู้สูงอายุที่โรงเรียนบ้านคุยป่ารัง ต่อเนื่องกันมาโดยตลอด ภายหลังบางปีทางศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านคุยป่ารังยังได้มีการจัดกิจกรรม แข่งขันกีฬาการกุศลและเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในชุมชนด้วย ที่หลวงพ่อเลือกให้มีการจัด กิจกรรมสรงน้ำขอพรที่โรงเรียนบ้านคุยป่ารังแทนที่จะจัดที่ที่พักสงฆ์คุยป่ารังก็เพราะว่า ท่านอยากให้ศิษย์เก่าและคนในชุมชนได้เห็นความสำคัญของโรงเรียนในฐานะที่เป็นสถานที่อบรมบ่มเพาะวิชา ความรู้และทำให้คนในชุมชนได้รู้จักมักคุ้นเป็นเพื่อนเป็นเกลอกันเป็นรุ่น ๆ เรื่อยมา แม้จะไป ทำงานต่างถิ่น เมื่อกลับมาบ้านในเทศกาลสงกรานต์ก็จะได้มารำลึกความหลังในวัยเยาว์ร่วมกันที่ โรงเรียน ให้มีความรู้สึกหวงแหนอยากให้โรงเรียนคงอยู่คู่กับชุมชน บางปีก็มีการทอดผ้าป่าเพื่อ การศึกษา เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมกิจกรรมทางการศึกษาของโรงเรียนด้วย ผู้เขียน : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีระวัฒน์ แสนคำ #ติดตามอ่านต่อตอนที่ ๓ #หลวงตาเอก #วัดพระบรมธาตุนครชุม |