หัวข้อ: เรื่องสั้น เรื่อง ความทรงจำ โดย นางสาวปิยนุช ประกอบกิจ เริ่มหัวข้อโดย: apairach ที่ สิงหาคม 26, 2012, 06:37:38 pm เรื่องความทรงจำ
แสงแดดยามบายสามยังคงความร้อนแรงไม่เปลี่ยนแปลง ยามที่สายลมพัดผ่านมาก็นำเอาไอร้อนมากระทบใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อพราว ไหลย้อยลงมากระทบกับหลังมือที่วางอยู่บนหน้าขาทำให้ผมถูกดึงออกจากการมองทัศนียภาพข้าทางหันกลับมาเช็ดเหงื่อไคลที่ไหลย้อย ? ที่นี้ยังเหมือนเดิม? ผมคิดในใจ ที่นี้คือบ้านเกิดของผม มันยังคงความทุรกันดาร แห้งแล้งเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในสมัยที่ผมยังอาศัยอยู่ที่นี้มันก็ผ่านมาตั้งกว่าสิบปีแล้ว ที่ผมจากที่นี้ไปความทุรกันดารก็ยังคงเหมือนเดิม หลังจากที่ผมได้ทุนไปเรียน ต่อที่กรุงเทพฯคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐ ผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี้อีกเลย เพราะหลังเรียนจบผมก็ทำงานใช้ทุนอยู่ประมาณห้าปีและขอย้ายกลับมาที่นี้ ที่ที่ผมมีความผูกพันอย่างมาก คือสถานที่ที่มีความทรงจำมากมาย เป็นสถานที่ทำให้ผมมีวันนี้ เป็นสถานที่ที่ผมสูญเสียบุคคลที่ผมรักไป ความทรงจำนั้นยังคงฝังรากลึกอยู่ในใจของผม ในดวงตาของผมยังฉายภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งยังวัยเยาว์ ?ไอ้จ้อยตื่น? ผมสะดุ้งขึ้นด้วยของหลวงที่มาพร้อมกับไหวคู่กายฟาดลงที่ก้นของผม ผมงัวเงียลุกขึ้นไปแปลงฟันที่ห้องน้ำก่อนที่จะต้องตามหลวงตาออกไปบิณฑบาต ผมเดินผ่านต้นไทรที่อยู่หน้ากุฏิของหลวงตา ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงตาเจอผมนอนร้องเสียงดังอยู่ ตอนนั้นผมตัวเล็กมากเล็กกว่าเด็กที่เกิดใหม่ทั่วไป หลวงตาจึงตั้งชื่อผมว่า?จ้อย?ตอนแรกหลวงตาคิดว่าผมคงไม่รอดแน่ เพราะว่าผมตัวเล็กมากแถมยังนอนตากน้ำค้างจนตัวเหลืองไปหมด จะพาไปโรงพยาบาลก็อยู่ไกลจากหมู่บ้านหลายสิบกิโล มืดค่ำอย่างนี้คงไม่มีรถ แกเลยให้เด็กวัดไปตามยายแม้นหมอตำแยประจำหมู่บ้านมาช่วยดู?รอดหรือไม่รอดก็แล้วแต่เวรแต่กรรม?หลวงตาแก่ว่า แต่ผมก็รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ?ผมคงทำบุญมามากเมื่อชาติทีแล้วผมถึงไม่ตาย? ผมพูดเมื่อหลวงตาเล่าจบ แล้วหลวงตาก็พูดว่า ?เออเอ็งมันมีบุญแต่ข้ามันมีกรรมถึงได้เกิดมาเจอคนดือด้านอย่างเอ็ง ไอ้จ้อย สอนเท่าไรไม่รู้จักจำ??จากนั้นท่านก็เทศน์อีกยาว ตอนนั้นผมได้แต่ฟังแต่ไม่ได้เก็บเอามาปฏิบัติตาม ตอนนั้นผมมีชื่อเสียงดังไปทั่วหมู่บ้านแต่ถ้าพูดให้ถูกคงเป็นชื่อ?เสีย?มากกว่า ผมเป็นหัวโจกของเด็กในหมู่บ้านมักจะชวนเพื่อนไปลักมะม่วงในสวนของชาวบ้าน พอถูกจับได้ก็เจอหวายของหลวงตาหวดเสียจนหลังอาน แต่กลับไม่รู้สึกผิด จนหลวงตาเริ่มเอือมระอากับพฤติกรรมของผม ?ไอ้จ้อยถ้าเอ็งยังดื้อด้าน ขี้ลัก ขี้ขโมยข้าจะเอาเอ็งไปทิ้งที่ถนน? ผมรู้ว่าหลวงตาไม่ทำจริงหลอกเพราะผมรู้ว่าหลวงตารักผม ถึงท่านไม่พูดหรือแสดงออกแต่ความรู้สึกทำให้ผมรู้ว่าหลวงตารักผม ผมไม่เคยคิดที่จะอยากรู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของผมคือใคร ผมคิดแต่ว่าอยู่กับหลวงตาและเล่นสนุกไปวันๆอย่างนี้ก้มีความสุขดี หลวงตาเคยถามผมว่า ?ไอ้จ้อยเอ๊ยโตขึ้นเอ็งอยากเป็นอะไร? ?อยากเป็นเด็กวัดและอยากอยู่กับหลวงตาอย่างนี้ตลอดไปครับ? ผมตอบไปด้วยความไร้เดียงสา หลวงตาสบถลั่น ?บ๊ะ ไอ้เวรนี้ เอ็งจะเกาะข้ากินไปจนตายเลยหรอว่ะไอ้จ้อย มานี้มา?หลวงตากวักมือเรียดให้ผมขยับเขาไปใกล้ๆ ?ข้าจะบอกอะไรเอ็งให้นะไอ้จ้อย เอ็งต้องรู้จักหัดพึ่งตนเองก่อนที่จะพึ่งคนอื่น ข้าเนี้ยไม่ได้อยู่กับเอ็งไปตลอดชีวิตจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ข้าไม่อยากให้เอ็งลำบากค่อยดุค่อยว่าเอ็งอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้เอ็งตั้งใจเรีนยใฝ่หาความรู้ไม่ใช้เล่นสนุกไปวันๆ เอ็งจำคำของข้าไว้ให้ดี เอ็งต้องหัดยืนด้วยขาของตนเองไม่ใช้ยืมขาคนอื่นมายืน?ผมได้แต่ฟังและไม่ได้เอามาคิดอีกเช่นเคย เพราะผมรู้ว่าอย่างไรหลวงตาก็ไม่ไปไหนเพราะหลวงตารักที่นี้มากท่านเคยบอกว่า?ข้าเกิดที่นี้และข้าก็จะตายที่นี้? เสียเจ้าโต้งขันอยู่ใต้ถุนกุฏิปลุกให้ผมตื่นจาการนอนหลับใหล ?สายแล้วนี้หว่า ทำไหมหลวงตาไม่เห็นมาปลุก? ผมลุกขึ้นด้วยความงัวเงียแล้วเดินไปที่ห้งที่หลวงตาจำวัดอยู่แล้วเคาะประตุเรียกแต่เรียกเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยผลักประตุเข้าไปปรากฏร่างผอมสูบของหลวงตานอนหายใจแผ่วเบาอยู่ผมเดินเข้าไปแล้วเอามืออิงที่หน้าผากที่ร้อนอย่างกับไฟ ?เฮ้ย มาช่วยหน่อยโว้ยหลวงตาไม่สบาย?ผมตะโกนเรียกเจ้าแก้วให้เข้ามาช่วยพาหลวงตาไปท่ารถหน้าหมู่บ้าน รอรถแล้ว รอรถเล่าก็ไม่เห็นที่ท่าว่ารถโดยสารประจำหมู่บ้านจะมา จนลุงดำที่ทำนาอยู่แถวนั้นตะโกนถามมา ?ไอ้จ้อยหลวงตาเป็นอะไรว่ะ? ?หลวงตาไม่สบายตัวร้อนจี๋เลยลุง? ?ตายห่า?ตาดำสบถลั่น ?เมื่อวานข้าเห็นรถมันเสียงมันพึ่งเอาไปซ่อมเมื่อเช้านี้ วันนี้คงไม่มีรถไปหลอกว่ะไอ้จ้อย? ผมรู้สึกกระวนกระวาย ทำไม่รถบ้านั้นต้องมาเสียวันนี้ด้วยว่ะ ?แล้วจะทำอย่างไรดีลุงดำ?ผมหันไปถามลุงดำ ?เอ็งสองคนพาหลวงตาไปที่กุฏิก่อนแล้วข้าจะไปตามยายแม้นไปดูให้? ?ยายแม้นแก่เป็นหมอตำแยไม่ใช้หรอลุงดำ?ไอ้แก้วถามขึ้น? เอาเถอะแก้ขัดไปก่อนเพื่อแกจะรักษาได้?ผมไม่คิดว่ายายแม้นจะรักษาหลวงตาได้แต่ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรผมเลยทำตามที่ลุงว่า ผมกับเจ้าแก้วพาหลวงตาไปที่กุฏิได้สักพักหนึ่งยายแม้นก็พาฟันดำๆและตากร้ายายคู่ชีพเดินขึ้นมาบนกุฏิ แกถามอาการหลวงตาจากผมแล้วแกก็ให้ห่อยาผมไปต้มให้หลวงตา ผมได้ยินแกพูดเบาๆว่า ?คืนนี้ท่าจะไม่รอด? ผมนำยาไปต้มด้วยสมองที่ตื้อ ความรู้โหวงเหวงใจอย่างไรบอกไม่ถูก แล้วน้ำใสๆก็ไหลออกมาจากดวงตาอย่างไม่รู้ตัวลำคอแห้งผาก ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก เสียงยายแม้นยังคงก้องในหู ผมเดินนำยาไปให้หลวงตาในห้อง ผมเห็นร่างผอมสูบ ปากซีดเขียวนอนสงบนิ่งอยู่ทำให้ผมร้องไห้นักขึ้นกว่าเก่า ผมปลุกหลวงตาขึ้นมากินยา เปลือกตากระพริบน้อยๆบอกว่าท่านยังคงรู้สึกตัวผมให้ท่านดื่มยาจนหมด แล้วมืออันสั้นเท่าของท่านค่อยๆเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่น แล้วมือที่เหยี่วย่นนั้นคอยๆคายออกจากมือผมแล้วหนังตาของหลวงตาก็ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆผมสะอื้นหนักขึ้ในความเงียบสงบหูของผมได้ยินแต่เสียงสะอื้นและคำสอนของหลวงตาก้องอยู่ในหู ผมพูดด้วยเสียงปนสะอื้น?ผมสัญญาครับหลวงตาว่าผมจะทำคำสั่งสอนของหลวงตา ผมของสัญญา? ผมตื้นจากภวังค์เมื่อคนเก็บตั๋วรถตะโกนให้หยุดรถหน้าสถานีอนามัยประจำหมู่บ้าน ผมก้าวลงจากรถโดยสาร แล้วรถโดยสารก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆทิ้งไว้แต่ฝุ่นสีแดง ผมเงยหน้าขึ้นมองสถานีอนามัยของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นสถานีอนามัยแห่งแรกและแห่งเดียวของที่นี้พึ่งจะสร้างเสร็จใหม่ๆทั้งที่มันควรมีมาตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้วก็ตาม นางสาวปิยนุช ประกอบกิจ นักศึกษาปีที่ ๒ คณะครุศาสตร์ โปรแกรม วิชาภาษาไทย ห้อง ๒๘ |