หัวข้อ: เรื่องสั้น ?ช่วงชีวิตดอกปีบ? โดยน.ส.ภาวนา ท่วมไธสง มหาวิทยาลัยราชภักกำแพงเพชร เริ่มหัวข้อโดย: apairach ที่ สิงหาคม 27, 2012, 07:02:53 pm เรื่องสั้น ?ช่วงชีวิตดอกปีบ?
บ้านเช่าเล็กๆหลังหนึ่งถูกปกคลุมรายล้อมไปด้วยต้นปีบดอกส่งกลิ่นหอมหวานชวนนึกถึง... ปีบ หรือ กาซะลอง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ผลัดใบเรือนยอดเป็นพุ่มทรงกระบอก ใบปลายแหลม โคนใบมน ขอบใบหยักมนหรือเว้าเป็นคลื่นเล็กน้อย ดอกมีสีขาวหรือชมพู มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกซ้อนตามปลายกิ่ง มีขน กลีบเลี้ยงมีขนาดเล็ก โคนติดกันเป็นรูปถ้วย ดวงตะวันค่อยๆเคลื่อนตัวลงช้าๆในที่สุดก็ลอยลับยอดปีบไป สายลมพัดกระโชกแรงทำให้ดอกปีบร่วงหล่นลงบนพื้นดินกลิ่นนั้นหอมละมุนชวนทะนุถนอม มันดูมีอายุมากทีเดียว ขนาดของมันใหญ่โตมองดูทะมึนๆลี้ลับอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่ฉันจ้องดูมันอยู่รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว กิ่งก้านของมันโอนเอนไปตามแรงลมปลายยอดนั้นสั่นระริกๆ เหมือนกำลังเต้นรำอยู่อย่างไงอย่างงั้น พร้อมกับส่งเสียงดังเหง่งหง่างอยู่บนปลายยอดคอยทิ้งดอกลงมาเป็นระยะๆ แสงสว่างจากพระจันทร์ส่องกระทบกับดอกขาวกลายเป็นสีเหลืองอ่อนๆน่าชื่นชมชูช่อระยิบระยับประกอบกับเสียงหรีดหริ่งเรไรที่ส่งเสียงร้องกึกก้องไปทั่วบริเวณ มันช่างดูวังเวงสุดที่จะพรรณนา ฉันหยุดเหม่อดูธรรมชาติเล่นเพลงประสานเสียงอยู่พักใหญ่ราวกับว่าต้องมนต์สะกด ฉันหอบกระเป๋าใบโตเดินผ่านรั้วหน้าบ้านมุ่งไปยังประตูที่ถูกปิดตาย ดูจากสภาพน่าจะล้างมานานพอสมควรฉันยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูกวาดสายตามองรอบๆบ้านอีกครั้ง ?ให้ตายสิมันช่างเงียบวังเวงอะไรเช่นนี้? ฉันบ่นพรึมพรำในลำคอพร้อมกับใช้มือล้วงกุญแจที่ได้มาจากเจ้าของบ้าน ฉันมาที่นี่เพราะฉันมาทำหน้าที่เป็นนักศึกษาฝึกสอน และบ้านหลังนี้ก็ได้รับการแนะนำมาจากคุณลุงภารโรงประจำโรงเรียนที่นี่นั่นเอง ที่ฉันรับข้อเสนอของคุณลุงก็เพราะราคาถูกมันช่วยฉันประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ ที่สำคัญอยู่ติดกับรั้วโรงเรียนอีกด้วย บรรยากาศก็ร่มรื่นหน้าบ้านมีคลองน้ำไหลผ่านอีกด้วยมองกว้างออกไปมีทุ่งนาเขียวขจีเป็นพุ่มๆเสียงกบเสียงอึ่งส่งเสียงร้องกันเจี๊ยวจ๊าวยามฝนพรำ คุณลุงภารโรงมาส่งฉันที่รั้วหน้าบ้านท่าทางแกลุกลี้ลุกลนรีบขอตัวกลับบ้านทันทีที่ส่งฉันถึงรั้วบ้าน ฉันอดขำแกไม่ได้ที่เห็นท่าทางของแก ?แกเป็นอะไรของแกนะ? ฉันส่งยิ้มให้แกตอนที่แกขอตัวกลับแกส่งยิ้มแปลกๆกลับมาทำให้ฉันยิ่งงงไปใหญ่แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันล้วงกุญแจออกมาได้จากกระเป๋าใบโตแล้วก็ค่อยๆบรรจงไขมันออก ฉันผลักประตูเข้าไปเบาๆ แอด... เสียงประตูดังเบาๆจากแรงผลัก แล้วฉันก็ต้องตกใจในสิ่งที่พบเห็น ?พระเจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย? ฉันเผลอร้องออกมาดังๆ ที่พื้นและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเต็มไปด้วยละอองฝุ่นที่เกาะติดกันแน่นเป็นผนึกปนกับหยากไย่พันกันไปมายุ่งเหยิงไปหมด บ่งบอกได้ว่าขาดการดูแลรักษามาเป็นเวลานาน ฉันเดินผ่านฝุ่นและความสกปรกพวกนั้นไปย่างเข้าสู่ก้าวที่สามเท่านั้นแหละ ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆจนฉันรู้สึกขนลุกและชาไปทั้งตัว สักพักฉันได้กลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั้งบ้าน ?กลิ่นอะไรกันเหม็นเป็นบ้าเลย? ฉันหัวเสียขึ้นมาทันที สูดดมเข้าไปลึกๆพยายามนึกคิดว่ากลิ่นอะไรไม่คุ้นเอาเสียเลยแต่กลิ่นนั้นกลับจางหายไปเอาดื้อๆแปลกจัง ขณะที่ฉันเดินต่อไปก็สะดุดเข้ากับบันไดแล้วล้มลง ?โอ้ยเจ็บ? ฉันเหลือบมองเห็นสวิตช์ไฟแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดมัน ดูสว่างขึ้นเยอะเลยที่เดียว ฉันก้าวฉับๆเร่งฝีเท้าอย่างเร่งด่วนตรงขึ้นบันไดไป ขวามือของฉันมีห้องสองห้องเรียงติดกันมองดูไม่ใหญ่มากนัก ฉันเปิดประตูห้องที่อยู่ติดบันได ห้องไม่ได้ล็อกฉันมองอย่างพิจารณาในห้องนั้นปราศจากสิ่งของใดๆเป็นห้องที่ว่างเปล่าแต่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง ฉันไม่ได้เดินเข้าไปในห้องนั้น แต่ฉันหันซ้ายแล้วตรงไปเปิดดูอีกห้องหนึ่ง เหมือนกันเลยห้องมีสภาพว่างเปล่าฉันเดินกลับไปที่ห้องแรกที่ติดบันไดฉันเลือกห้องนี้แหละเป็นห้องประจำเพราะสะดวกต่อการขึ้นลง จากการที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจากการรายงานตัวที่โรงเรียนวันนี้มันทำให้ฉันเพลียมากง่วงสุดๆ ฉันดึงผ้าห่มออกมาปูราบไปกับพื้นแล้วเอนตัวลงนอนกลางห้องแล้วเผลอหลับไป ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืนมีเสียงดัง ตึกตึกตึก...มันดังมาก ฉันสะดุ้งขึ้นอัตโนมัติชะโงกตัวออกไปดูข้างนอกแล้วส่งเสียงร้องถามออกไป ?ใครอ่ะ ฉันถามว่าใคร? ฉันตะโกนถามถึงสามครั้งให้ตายสิไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากเสียงลมและแมลงฉันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความง่วง ทันใดนั้นฉันขยี้ตาหลายๆครั้งด้วยความง่วง ?เอ๊ะ? ฉันส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก มีผู้หญิงรูปร่างสวยต้องบอกว่าสวยมากดวงตาคมคิ้วโก่งจมูกโด่งเป็นสันเงาวับปากกระจับจิ้มลิ้มรับกับใบหน้ารูปไข่ ยืนอยู่ที่บันไดชั้นล่างสุด ฉันขุ่นคิดในใจผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกัน เขาส่งยิ้มให้ฉันแล้วก็จางหายไป รอยยิ้มของเขานั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความโกธรหรือเกลียดใดๆ เขามาปรากฏให้ฉันเห็น เขาต้องการบอกอะไรฉันหรือเปล่า... ฉันสะดุ้งตื่นรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากและลำคอ ?นี่เราฝันไปเหรอ ใช่เราฝันไป? สี่โมงเช้าแล้วฉันแต่งตัวอาบน้ำที่พอเหลือในอ่างเล็กน้อยที่เต็มไปด้วยตะกอน แต่ฉันก็ต้องยกขันขึ้นมาราดลงไปกับตัวก็ให้ทำไงได้ล่ะ ฉันปลอบใจตัวเอง ?อาบๆไปเถอะแค่วันเดียวพรุ่งนี้ค่อยเรียกคุณลุงมาดู? แต่งตัวเสร็จฉันก็เข้าไปในเมืองเพื่อซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด ระหว่างทางขากลับ มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง ? เป็นไงบ้างล่ะหลับสบายดีรึเปล่า? คุณลุงภารโรงนั่นเอง ?คะสบายดีแต่ฝุ่นเยอะไปหน่อยว่างๆเลยออกไปซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดค่ะ เอ่อคุณลุงคะเมื่อคืนหนูฝันแปลกๆ ฝันว่า...? ฉันพูดยังไม่ทันจบ คุณลุงก็พูดแทรกขึ้นมา ?ผู้หญิงผิวขาวหน้าตาดีใช่มั้ยล่ะ? คุณลุงรู้วันแรกที่แกมาส่งฉันที่รั้วบ้านแกจึงดูท่าทางแปลกๆ ?ค่ะใช่? ?ขึ้นรถสิเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเดี๋ยวลุงจะออกไปไร่เดี๋ยวแวะเข้าไปเข้าไปส่งที่บ้าน? ?ขอบคุณค่ะ เกรงใจจัง? ?ไม่เป็นไรๆ เอ้าขึ้นมาสิเร็วเข้า? แล้วคุณลุงก็เริ่มเล่าพร้อมกับปั่นจักยานไปเรื่อยๆ เธอเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านหลังนี้เองล่ะเสียชีวิตเมื่อสามสิบปีที่แล้วด้วยโรคมะเร็งนิสัยดีกิริยามารยาทดีผู้คนแถวนี้รักใคร่ ลุงแนะนำให้หนูไปทำบุญให้เธอซะนะ เธอจะได้ไม่มาปรากฏตัวให้หนูกลัวอีก ?หนูไม่กลัวหรอกนะคะคุณลุงเพราะแววตาของเธอไม่มีความอาฆาตอะไรนิ ทำไมหนูต้องกลัวเธอ หนูไม่ได้ทำไรให้เธอโกธรซะหน่อย? ?ดีแล้วล่ะ เพราะหลายรายมาเช่าบ้านหลังนี้ทำตัวแย่ๆทั้งนั้น ผลสุดท้ายก็เป็นบ้า ประสาทหลอน เสียสติ คลั่งบ้าง โอ้ย! หลายอาการเหลือเกินบางคนก็หาสาเหตุไม่ได้ เพราะไปลบหลู่เขา? ฉับพยักหน้าตอบรับคำแนะนำของลุง รุ่งเช้าวันต่อมาฉันก็ไปทำบุญกรวดน้ำแผ่เมตตาให้แกลูกเจ้าของบ้านที่ฉันอาศัยอยู่จากนั้นเธอก็ไม่เคยมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นอีกเลย จนกระทั่งวันที่ฉันต้องจากบ้านหลังนี้ไปเพื่อไปศึกษาต่อในเมือง ขณะที่ฉับก้าวฉับๆได้สองสามก้าวเดินออกจากบ้านกลิ่นดอกปีบก็ลอยมาปะทะจมูก ฉันยิ้มให้กับต้นปีบเห็นร่างผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ฉันและโบกมือไปมา เหมือนเธอกำลังอวยพรให้ฉัน เธอคงจะชอบดอกปีบอย่างที่ฉันชอบ ฉันยิ้มและโบกมือให้เธอเป็นการตอบกลับฉันคงจะทำตัวดีให้เธอพอใจเธอจึงมาปรากฏร่างให้เห็นฉันเห็นอีกครั้ง ฉันอำลาด้วยความอาลัยรักและผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ ฉันคงจะคิดถึงเสียงแว่วหวานของแมลงใหญ่น้อยที่เล่นเพลงให้ฉันฟังที่บ้านหลังนี้ คงจะคิดถึงต้นปีบที่คอยส่งกลิ่นหอมให้ฉันก่อนนอน มันกลายเป็นช่วงชีวิตของฉันไปเสียแล้ว ช่วงชีวิตที่แสนสั้นและเต็มไปด้วยความทรงจำของผู้หญิงคนหนึ่ง ชีวิตของคนเราถ้าไม่รังแกเขาก่อน เขาก็จะไม่รังแกเรา... นางสาวภาวนา ท่วมไธสง รหัส ๕๔๑๑๒๒๘๓๒ โปรแกรมวิชาภาษาไทย ห้อง๒๘ |