จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช |
ธันวาคม 23, 2024, 01:24:30 am | |||
|
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน |
หน้าแรก | ช่วยเหลือ | ค้นหา | ปฏิทิน | เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก |
51
เมื่อ: ธันวาคม 13, 2023, 08:48:26 am
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
ผังเมือง
|
52
เมื่อ: ธันวาคม 08, 2023, 07:01:13 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
คณะกรรมการ
|
53
เมื่อ: ธันวาคม 08, 2023, 06:56:44 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
คณะบรรณาธิการ
|
54
เมื่อ: ธันวาคม 08, 2023, 06:16:02 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
วิทยากร.ป.ป.ช.
|
55
เมื่อ: ธันวาคม 08, 2023, 06:11:14 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
วิทยากร.สองวัน
|
56
หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ตำบลวังบัวแต่เดิมเป็นเขตการปกครองของตำบล ท่าพุทรา อ. คลองขลุง จ. กำแพงเพชร ต่อมา
เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2023, 09:52:57 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
ตำบลวังบัวแต่เดิมเป็นเขตการปกครองของตำบล ท่าพุทรา อ. คลองขลุง จ. กำแพงเพชร ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ได้แยกการปกครอง ออกมาโดยตั้งชื่อตำบลใหม่ชื่อว่า ตำบลวังบัว ที่มีหมู่บ้านจำนวน 9 หมู่บ้าน ที่มาของชื่อตำบลนั้น มีชื่อคล้องกับบ้านวังบัวที่เป็นคลองเก่าและมีบัว ขึ้นมาก ดอกบัวเกิดขึ้นมาในริมคลอง ซึ่งเรียกภาษาในหมู่บ้านว่า "วัง" (คลองน้ำลึกเป็นลักษณะเหมือนวัง) และดอกบัว จึงเรียกขานกันมาว่า "วังบัว" บึงน้ำขนาดใหญ่เป็นแหล่งสัตว์น้ำและพืชน้ำชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะบัวประเภทต่าง ๆ มากมายมีความสวยงามเป็นที่เลื่องลือของชาวบ้าน และยังเป็น แหล่งน้ำที่ให้ประโยชน์แก่ชาวบ้านในการประกอบอาชีพ เมื่อมีการแยกตำบลชาวบ้านจึงเห็นสมควรใช้ชื่อวังบัวเพื่อเป็นสัญลักษณ์แก่บึงน้ำแห่งนั้น ในปี พ.ศ. 2539 สภาตำบลวังบัวได้ยกฐานะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2539 และ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 113 ตอนที่ 9 ง ลงวันที่ 30 มกราคม 2539
องค์การบริหารส่วนตำบลวังบัว ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร มีสถานที่ตั้งของที่ทำการอยู่ที่ หมู่ที่ 10 บ้านระหารทราย และอยู่ห่างจากอำเภอคลองขลุงประมาณ 11 กิโลเมตร ห่างจากศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชรประมาณ 51 กิโลเมตร ทิศเหนือ ติดต่อกับ ต.คณฑี อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ทิศใต้ ติดต่อกับ ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ต.ทุ่งทราย อ.ทรายทองวัฒนา จ.กำแพงเพชร ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแเพงเพชร |
57
หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อเมืองกำแพงเพชร (ปาฐกถา
เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2023, 09:40:20 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อเมืองกำแพงเพชร (ปาฐกถาพิเศษอังคาร ๑๘ มิย. ๖๒ ห้องประชุมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร)
สันติ อภัยราช เมื่อข้าพเจ้าไปเมืองกำแพงเพชรครั้งแรก คือแวะเมื่อล่องกลับจากเชียงใหม่ ร.ศ. ๑๒๔ นั้น ได้พักอยู่ ๓ คืน ๒ วัน ได้เที่ยวดูในเมืองเก่าและตามวัดที่นอกเมืองบ้าง แต่ในเวลานั้นต้องนับว่ายังอ่อนอยู่มากในทางโบราณคดี คือยังไม่ใคร่ได้มีโอกาสตรวจค้นมาก ทั้งเวลาที่อยู่ก็น้อย และเป็นคนแรกที่ได้ไปดู จะอาศัยฟังความคิดความเห็นผู้ใดๆก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ความเห็นในเวลานั้นจึงยังไม่กล้าแสดงให้แพร่หลายมากนัก เป็นแต่ได้ทำรายงานกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามที่ได้สังเกตเห็นด้วยตา และแสดงความเห็นส่วนตัวบ้างเล็กน้อย ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปประพาสเมืองกำแพงเพชร ทอดพระเนตรสถานต่างๆแล้ว พระราชทานพระบรมราโชวาทเป็นอันมาก ครั้นเมื่อได้ทราบกระแสพระราชดำริแล้ว เมื่อปลาย ร.ศ. ๑๒๖ ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปตรวจดูสถานที่ในเมืองกำแพงเพชรซ้ำอีก จึงเห็นทางแจ่มแจ้งดีกว่าครั้งแรกเป็นอันมาก พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ข้อความข้างต้นเป็นข้อความตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์เรื่องเที่ยวเมืองพระร่วง ของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยในการศึกษาค้นคว้าด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีอย่างยิ่ง ได้เสด็จประพาสเมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร พิชัยและพิษณุโลกเพื่อทอดพระเนตรโบราณสถาน โบราณวัตถุระหว่างวันที่ ๔ มกราคม - ๖ มีนาคม รศ. ๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๕๐) และโปรดฯ ให้จัดพิมพ์พระราชนิพนธ์เรื่อง “เที่ยวเมืองพระร่วง” ซึ่งทรงบันทึกเรื่องราวระยะทางเสด็จประพาสในคราวนั้นพร้อมพระราชวิจารณ์ในแง่ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ก่อให้เกิดกระแสตื่นตัวในการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทยในเวลานั้นอย่างมาก ในส่วนของเมืองกำแพงเพชร พระองค์ ทรงเสด็จมากำแพงเพชร สองครั้ง หลักฐานจากจารึกวงเวียนต้นโพ หลักที่ ๒๓๙ สร้างจาก หินปูนสีเทา กว้าง ๗๘ เซนติเมตร สูง ๑๒๖ เซนติเมตร หนา ๘ เซนติเมตร เป็นรูปใบเสมา จารึกด้านเดียว มี ๑๙ บรรทัด นายประสาร บุญประคอง ได้อ่านจารึกหลักนี้ ภาพจารึกในวงเวียน ต้นโพ หน้าเมืองกำแพงเพชร เป็นจารึกของรัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งเป็นมกุฎราชกุมาร ความว่า ๑. ศุภมัสดุพระพุทธศาสนายุกาลได้ ๒๔๔๘ พรรษา ๒. จุลศักราช ๑๒๖๗ ศกมะเส็ง รัตนโกสินทรศก ๑๒๔ ๓. เป็นปีที่ ๓๘ ในรัชกาลแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ๔. เจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ๕. มกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราชดำเนินจากมณฑลพายัพ ๖. มาถึงเมืองกำแพงเพชรนี้ วันอังคารเดือนยี่ แรม ๗ ค่ำ ๗. สุริยคติกาลกำหนด วันที่ ๑๖ เดือนมกราคม เสด็จประพาส ๘. ทอดพระเนตรโบราณสถานหลายแห่งเป็นครั้งแรก ๙. ประทับแรมอยู่ ๒ ราตรีตั้งพลับพลานอกกำแพง ๑๐. เมืองกำแพงเพชร ที่วัดชีนางเกา ริมลำน้ำปิงฝั่งเหนือฯ ๑๑. ครั้นลุพระศาสนายุกาลได้ ๒๔๕๐ พรรษา ๑๒. จุลศักราช ๑๒๖๙ ศกมะแม รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ ๑๓. เป็นปีที่ ๔๐ ในรัชกาลแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ๑๔. เจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระองค์นั้น ๑๕. ได้เสด็จพระราชดำเนินมาถึงเมืองกำแพงเพชรนี้ ๑๖. วันพุธเดือนยี่ขึ้น ๑๓ ค่ำ สุริยคติกาลกำหนด ๑๗. วันที่ ๑๕ มกราคม ได้เสด็จประพาสทอดพระเนตร ๑๘. โบราณสถานซ้ำอีกเป็นครั้งที่ ๒ ประทับแรมอยู่ ๑๙. ๓ ราตรีที่พลับพลาเดิมฯ นำจารึกในใบเสมาของรัชกาลที่ ๖ มาประดิษฐาน แก้เคล็ด ลักษณะฮวงจุ้ย มีใจความสำคัญ สรุปได้ว่า พ.ศ. ๒๔๔๘ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ มกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินจากมณฑลพายัพมาถึงเมืองกำแพงเพชร ทอดพระเนตรโบราณสถานหลายแห่ง โดยประทับแรมที่พลับพลาบริเวณวัดชีนางเการิมลำน้ำปิงฝั่งเหนือ นอกเมืองกำแพงเพชร เป็นเวลา ๒ คืน ต่อมาในพ.ศ. ๒๔๕๐ เสด็จมาทอดพระเนตรโบราณสถานอีกครั้งหนึ่ง และทรงตั้งพลับพลาประทับแรม ๓ คืน ในที่เดิม ในโอกาสที่ เสด็จเมืองกำแพงเพชรครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๐ ขณะนั้น ที่ว่าการเมืองกำแพงเพชร หลังแรก สร้างเสร็จพอดี (บริเวณที่ทำการเหล่ากาชาดกำแพงเพชร ในปัจจุบัน) พระองค์ทรงปลูกต้นสักไว้ที่หน้าที่ว่าการเมืองกำแพงเพชร เป็นที่ระลึก ปัจจุบันต้นสักทรงปลูก ยังสูงใหญ่และงดงามมาก พลับพลาที่ประทับ ที่ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ มกุฎราชกุมาร บริเวณวัดชีนางเกานั้น เป็นทั้งที่ประทับแรมของพระพุทธเจ้าหลวงเมื่อคราประพาสต้น เมืองกำแพงเพชร ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ด้วย ต่อมาจังหวัดกำแพงเพชร ได้ตั้งโรงเรียนสตรีขึ้น และได้ใช้พลับพลารับเสด็จและประทับแรม เป็นที่ทำการของโรงเรียน มีนามเป็นสิริมงคลว่า โรงเรียนสตรีพลับพลา ต่อมาได้ กลายเป็นโรงเรียนสตรีกำแพงเพชร “นารีวิทยา” ในที่สุด ได้รวมกันกับโรงเรียนชาย กำแพงเพชร “วัชรราษฎร์วิทบาลัย” เปลี่ยนนามเป็นโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม ในปัจจุบัน โรงเรียนสตรีพลับพลา สร้างอาคารเรียนใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนสตรีกำแพงเพชร “นารีวิทยา” ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ จังหวัดกำแพงเพชร ได้สร้างที่ทำการเมืองหลังใหม่เสร็จเรียบร้อย ภายในกำแพงเมืองกำแพงเพชร และสร้างสะพานคอนกรีตข้ามลำน้ำปิง ตรงมายังที่ว่าการเมืองเลยทีเดียว ซึ่งผู้รู้ทั้งหลายทักกันว่า ผิดหลักฮวงจุ้ย จะไม่เป็นมงคลกับเมืองกำแพงเพชร ไม่สามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลง ทั้งที่ว่าการเมือง(ศาลากลาง)และสะพานกำแพงเพชรได้ ที่ประชุมกรรมการเมืองกำแพงเพชร และท่านผู้รู้ในเมืองกำแพงเพชร ได้แก้เคล็ด ฮวงจุ้ย ดังกล่าว โดยอัญเชิญ ใบเสมาศิลาจารึก ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ มกุฎราชกุมาร ที่ประดิษฐานบริเวณต้นโพ ขึ้นมาประดิษฐานกลางวงเวียน ขวางกันไว้ มิให้สิ่งที่ไม่เป็นมงคลเข้าสู่เมืองกำแพงเพชร ที่ตั้งใบเสมาจารึกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ มกุฎราชกุมาร จึงตั้งตระหง่าน เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองกำแพงเพชรมาจนถึงปัจจุบัน แม้ได้เปลี่ยน ฐานรองรับมาหลายรูปแบบ จนมาถึงปัจจุบัน สะพานกำแพงเพชร ที่ตัดตรงไปยังศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร นับว่าการเสด็จประพาสเมืองกำแพงเพชร สองครา คือพุทธศักราช ๒๔๔๘ และ ๒๔๕๐ ทรงพระราชทานสิ่งที่เป็นมงคลให้ชาวกำแพงเพชร มาจนถึงปัจจุบัน คือ ๑.ต้นสัก ทรงปลูก เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๐ ๒.จารึกวงเวียนต้นโพ กลางเมืองกำแพงเพชร ๓.หนังสือพระราชนิพนธ์เที่ยวเมืองพระร่วง ๔.พลับพลารับเสด็จวัดชีนางเกา กลายเป็นโรงเรียนสตรีพลับพลา โรงเรียนสตรีกำแพงเพชร “นารีวิทยา” และ เป็นกำแพงเพชรพิทยาคม เมื่อรวมกับ กำแพงเพชร “วัชรราษฎร์วิทยาลัย” นับ เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อเมืองกำแพงเพชร ที่ชาวกำแพงเพชร ประทับใจอยู่มิรู้คลาย ‘’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’’ |
58
หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม บ้านทุ่งสนุ่น ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร เป็นวัดราษ
เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2023, 08:09:46 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม
บ้านทุ่งสนุ่น ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ ๒๗ ไร่ ๒ งาน ๓๖ ตารางวา ตั้งอยู่ที่ บ้านทุ่งสนุ่น หมู่ที่ ๔ ตำบลระหาน อำเภอบึงสามัคคี จังหวัดกำแพงเพชร เริ่มสร้างวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ โดยชาวบ้านซึ่งมีเชื้อสายลาวครั่ง และลาวเวียง ได้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดนครปฐม และ จังหวัดราชบุรี มาจับจองที่ดินเพื่อทำมาหากินที่บริเวณอำเภอขาณุวรลักษบุรี (บริเวณ อ.บึงสามัคคีในปัจจุบัน) ซึ่งในขณะนั้นบริเวณนี้ยังเป็นป่าดงดิบเต็มไปด้วยสัตว์ป่า อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำ และมีต้นสนุ่น (ใคร้นุ่น) เกิดอยู่เต็มท้องทุ่งนา ชาวบ้านจึงเรียกขานบ้านตนเองว่า บ้านทุ่งสนุ่น และหลังจากนั้นไม่นานชาวอีสาน จากจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดขอนแก่นก็อพยพมาสมทบกันอยู่เพิ่มเติมอีก จากนั้นจึงมีคนไทยเชื้อสายจีนเดินทางมาค้าขายทีหลัง เมื่อมีประชาชนอพยพเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จนกลายเป็นชุมชนใหญ่พอสมควรแล้ว ชาวบ้านจึงร่วมใจกันสร้างวัดขึ้นบนพื้นที่โรงเรียนอนุบาลบึงสามัคคีในปัจจุบัน และได้ไปนิมนต์ หลวงปู่เบี้ยว ถาวริโก จาก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มาเป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์ แต่ด้วยทำเลที่ตั้งวัดนั้นไม่เหมาะเพราะอยู่ติดทางโค้งหลวงปู่และชาวบ้านจึงได้แลกที่ดินกันกับโรงเรียน ทำให้วัดทุ่งสนุ่นรัตนารามได้มาตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกบ้านทุ่งสนุ่นตราบเท่าปัจจุบัน ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๑๓ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า '''วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม''' ซึ่งแปลว่า วัดที่เปรียบเหมือนแก้วอันล้ำค่าของชาวบ้านทุ่งสนุ่น เปิดทำการเรียนการสอนนักธรรม ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๘ เป๋นต้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ และได้ทำการผูกพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ มีเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้ ๑.หลวงปู่เบี้ยว ถาวริโก (น.ธ.โท) หัวหน้าที่พักสงฆ์ จากนั้นก็กลับมาจำพรรษาที่ บ้านโป่ง ราชบุรี ๒.พระอธิการเหรียญ ปภสฺสโร (น.ธ.เอก) เจ้าอาวาสรูปแรก จากนั้นได้ลาออกไปจำพรรษาที่จังหวัดนครปฐม ๓.พระครูแกะ สิริสาโร (น.ธ.โท) ลาออกจากตำแหน่ง ๔.เจ้าอธิการเหรียญ ปภส์สโร (สมัยที่ ๒) ญาติโยมไปนิมนต์กลับมาเป็นเจ้าอาวาสอีกครั้งและเป็นเจ้าคณะตำบลระหาน ภายหลังได้ลาสิกขา ๕.พระอธิการเบี้ยว ถาวริโก (น.ธ.โท) ญาติโยมไปนิมตน์หลวงปู่กลับมาเป็นเจ้าอาวาสอีกครั้ง จนกระทั่งมรณภาพ ๖.พระครูสุนทรวชิโรภาส (เดือน สมิงฺคิโก น.ธ.โท) มรณภาพ ๗.พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู (น.ธ.เอก ป.ธ.๗ พธ.บ. ป.วค. ศศ.ม.) ๒๕๔๘ - ปัจจุบัน เจ้าคณะตำบลระหาน-เทพนิมิต เขต ๑ ผลงานและรางวัลที่ได้รับ ๑.หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่น ระดับอำเภอ กิตติคุณัปปกาสินี พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒.วัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่นระดับประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓.สุดยอดส้วมแห่งปีระดับจังหวัด พ.ศ. ๒๕๕๓ ๔.วัดส่งเสริมสุขภาพทันตกรรมดีเด่น พ.ศ. ๒๕๕๔ ๕.รางวัลพุทธคุณูปการ ประเภท รัชตะเกียรติคุณ จากสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๓ ๖.รางวัลเสาเสมาธรรมจักรพระราชทาน สาขา การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๗. พัดเชิดชูเกียรติ หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่น ระดับอำเภอ จากเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๘.พัดเชิดชูเกียรติ หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่นระดับประเทศ จาก สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๙.รางวัลเสาเสมาธรรมจักร พระราชทาน สาขา องค์กร สมาคม มูลนิธิ หน่วยงานที่ส่งเสริมกิจกรรมพระพุทธศาสนา ๒๕๕๗ (สถานีวิทยุคนมีบุญ) ศิลปวัฒนธรรมประเพณีของวัด ๑.บุญผะเหวด เทศน์มหาชาติ ตั้งแต่ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี ๒.ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ - แรม ๒ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี ๓.ประเพณีบวชเณรภาคฤดูร้อน ๑-๑๕ เมษายน ของทุกปี ๔.ประเพณียกอ้อ ยอครู พระสัพพัญญูเจ้า วันที่ ๑๕ เมษายน ของทุกปี (วันพญาวัน) ๕.ประเพณีแห่เทียน เปลี่ยนชีวิต ก่อนเข้าพรรษา ๒ วันของทุกปี ๖.งานพุทธคุณูปการ สืบสานศิลปวัฒนธรรม ระหว่างพรรษากาลของทุกปี) ๗.ประเพณีตักบาตรเทโว แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี ๘.บุญกฐินสามัคคีประเพณีลอยกระทง วันขึ้น ๑๓ - ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ของทุกปี ๙.สวดมนต์ข้ามปี โชคดีตลอดไป วันที่ ๓๑ ธันวาคม ของทุกปี ฯลฯ ความสำคัญของวัด ๑.เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหาลาโภ พระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น ขุดพบที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ๒.สถานีวิทยุชุมชนคนมีบุญ FM ๑๐๕.๒๕MHz. สถานีวิทยุที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ๓.พิพิธภัณฑศาลา เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุจากกรุงเวียงจันทน์ และแสดงศิลปวัตถุโบราณ ๔.หลวงพ่อพระเจ้าบุญล้าน พระพุทธปฏิมาศิลปะล้านนา+เวียงจันทน์ สรุป วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม นับตั้งแต่ พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู เป็นเจ้าอาวาส เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นมา ท่านได้พัฒนาวัดและพัฒนาคนไปพร้อมๆกัน ถึงพื้นที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ และทัศนคติที่อาจจะเห็นต่างกันบ้าง แต่ท่านก็ได้ใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนากับศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านมาเป็นตัวสื่อกลางเชื่อมความหลากหลายทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ให้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยจะเห็นได้จากเวลาที่วัดทุ่งสนุ่นรัตนารามจัดงานประเพณีบุญต่างๆไม่ว่าจะเป็นประเพณีไทยหรือประเพณีอีสาน ต่างก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเพณีบุญผะเหวด ซึ่งทางวัดได้จัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ นั้น มีประชาชนเข้าร่วมงานหลายหมื่นคน จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นงานบุญผะเหวดแห่งเดียวของภาคเหนือตอนล่างที่มีประชาชนเข้าร่วมงานมากที่สุด และจัดยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีของชาวลุ่มแม่น้ำโขง (ลาวครั่ง ลาวเวียง ลาวอีสาน) ที่อพยพมาอยู่ที่นี่ให้คงอยู่ไม่สูญหายไปตามกาลเวลาและระยะห่างจากรากเหง้าบรรพบุรุษของตนสืบไป |
59
เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2023, 12:30:12 pm
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
กำหนดการ
สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ ร่วมกับ ชมรมธุรกิจการถ่ายภาพจังหวัดกำแพงเพชร จัดการเสวนาชมรมธุรกิจการถ่ายภาพทั่วประเทศ ณ จังหวัดกำแพงเพชร ๒๖ - ๒๘ มกราคม ๒๕๖๗ โรงแรมชากังราวริเวอร์วิว อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร (จำนวนประมาณ ๒๐๐ท่าน) ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ ๘.๓๐น. สมาชิกพร้อมที่วัดพระบรมธาตุ รับประธานอาหารร่วมกัน นั่งรถไฟฟ้าชมเมืองจำนวน ๖ คัน จาก อุทยานประวัติศาสตร์ กำแพงเพชร ๒ คัน อบจ.กำแพงเพชร ๒ คัน เทศบาลเมือง กำแพงเพชร ๒ คัน . กล่าวต้อนรับโดย คุณอมร ถาวรศักดิ์ นายกชมรมธุรกิจการ ถ่ายภาพจังหวัดกำแพงเพชร ๙.๓๐น นมัสการพระบรมธาตุ และนำชม วัดพระบรมธาตุ โดย อาจารย์ สันติ อภัยราช ๑๐.๐๐น. ชมกำแพงเมืองกำแพงเพชรและ อุทยานประวัติศาสตร์ กำแพงเพชร โดยเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์ ๑๑.๐๐น. สักการะเจ้าพ่อหลักเมือง ชมวัดพระแก้ ๑๑.๓๐ น. ชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ๑๒.๓๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่พิพิธภัณฑ์เรือนไทย ชมพิพิธภัณฑ์เรือนไทย ๑๓.๓๐น. เข้าที่พัก โรงแรมชากังราว พักผ่อนตามอัธยาศัย ๒๗ มกราคม ๒๕๖๗ ห้องประขุม ชั้น ๗ โรงแรมชากังราว ซื้อสินค้า อุปกรณ์ถ่ายรูป กระดาษ หมึก กรอบรูป จากบริษัท ชั้นนำของประเทศ พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษ ๑๐.๐๐น. เปิดการเสวนา เรื่อง การปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI 2024 โดยดร.วิชา จันทร์เชื้อ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จังหวัด กำแพงเพชร กล่าวรายงานโดย คุณอมร ถาวรศักดิ์ นายกชมรมธุรกิจ การถ่ายภาพจังหวัดกำแพงเพชร “เริ่มการเสวนา” ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. เสวนาต่อ เรื่อง การปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI 2024 ๑๖.๓๐น. ปิดการเสวนา ๑๘.๓๐ น.รับประทานอาหารร่วมกัน เปิดงานสังสรรค์สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพ ร่วมกับชมรมธุรกิจการถ่าย-ภาพจังหวัดกำแพงเพชร จัดการเสวนาชมรมธุรกิจการถ่ายภาพทั่วประเทศ ณ จังหวัดกำแพงเพชร ๑๙.๓๐น. การแสดงของชาวกำแพงเพชร ต้อนรับ สมาคมธุรกิจการถ่ายภาพและชมรมธุรกิจการถ่ายภาพทั่วประเทศ พร้อมมอบธงให้จังหวัดเจ้าภาพในปีต่อไป ๒๒.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย ๒๘ มกราคม ๒๕๖๗ รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน สังสรรค์ กัน ตามอัธยาศัย กลับภูมิลำเนา โดยสวัสดิภาพ ........................................................ หมายเหตุ กำหนดการ อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม แ |
60
หมวดหมู่ทั่วไป / จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร / ชราอย่างมีคุณภาพ บรรยายพิเศษ โรงเรียนผู้สูอายุ เทสบาลเมืองกำแพงเพชร
เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2023, 09:29:13 am
|
||
เริ่มโดย apairach - กระทู้ล่าสุด โดย apairach | ||
เราจะสร้างคุณภาพชีวิตในวัยชราได้อย่างไร
๑.สร้างบุคลิกภาพให้ดูดี เช่นการปรากฏที่ดี อารมณ์ดี แต่งตัวดูดี ๒.ควบคุมอารมณ์ของคุณให้ดี อย่าใช้อารมณ์มากเกินไป ๓.รู้จักปฏิเสธ และต้องมีพื้นที่ส่วนตัว จัดลำดับความสำคัญของงานได้ ๔.ให้คำชมเชยยกย่องคนให้เป็น (ไม่ใช่ยอ) ชื่นชมคนใกล้ตัวด้วย เมื่อทำดี ๕.พูดให้น้อยลง ให้โอกาส แก่คู่สนทนาได้พูดบ้าง ฝึกการฟังอย่างกระตือรือร้น ๖.ทำตัวให้ผ่อนคลาย เคลื่อนไหวให้ช้าลง และมั่นคง ควบคุมตนเองได้ทุกสถานการณ์ อดทนรอให้เป็น อย่ารน อย่าเฉื่อยชา ๗. พูดให้ช้าลง เคลื่อนไหวให้น้อยลง ฟังก่อน คิดก่อน แล้วค่อยพูด พูด อย่างมีเป้าหมาย ไม่แย่งกันพูด ๘. กำหนดขอบเขตของตนเอง ชีวิตต้องมีกรอบ ให้เกียรติผู้อื่นเสมอ มั่นคง สม่ำเสมอ ฝึกฝนที่จะดูแลตนเอง ออกกำลัง อาหารการกิน ๙.ไม่ต้องทำตัวเราให้ใครๆประทับใจ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องตามใจใครทุกคน อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ปฏิเสธอย่างนิ่มนวล ตัวเองมีคุณค่า ไม่จำเป็นต้องคนอื่นเห็นคุณค่าเรา (ถ่อมตัวให้เป็น) ๑๐.สบตาคนอื่นเสมอ เมื่อสนทนาพูดคุย สนใจเรื่องที่เขาพูดความสัมพันธภาพจะแน่นและมั่นคง คุณจะมีเสน่ห์ ทั้งหมดคือคุณภาพชีวิต ในวัยชราที่เราสร้างได้ด้วยตนเอง |