จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤศจิกายน 30, 2024, 04:52:27 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น นางสาว มัทวรรณ โชคเด่นเป็นศรี คณะครุศาสตร์ ภาษาไทย มรภ.กพ  (อ่าน 4969 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1440


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 03:25:20 pm »

รักนิรันดร์ของ ?ดาดา?
เช้าบรรยากาศที่สดใสช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว เด็กสาวคนหนึ่งเธอมีชื่อว่า ?ดาดา? ตื่นมาแต่เช้าไปซักผ้าที่ลำห้วยใกล้หมู่บ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านของเด็กๆนักเรียนเวลาเดินไปโรงเรียน อายุของเด็กสาวคนนี้เริ่มย่างเข้าสู่วัย14ปี มีหน้าตาน่ารักยิ้มเก่งแต่สภาพร่างกายค่อนข้างที่จะมอมแมมเพราะเธอไม่ค่อยดูแลตัวเอง วันๆเอาแต่ทำงานเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนผมเผ้ารุงรัง เธอไม่สนใจเรื่องความสวยงามรู้แต่ว่าชีวิตนี้เพื่อแม่ที่นอนป่วยอยู่ ขณะที่กำลังซักผ้าอยู่นั้นมีเพื่อนสาวคนหนึ่งเดินผ่านมาพร้อมกับทักทาย
?ดาดา มาซักผ้าแต่เช้าเลยนะ ขยันจริงๆ?เมื่อได้ยินเสียงทักทายเธอรีบหันไปมองที่เสียงที่ถามมา เธอไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นการยิ้มตอบรับและทักทาย รอยยิ้มนั้นคนดูจะรู้เลยว่าเป็นร้อยยิ้มที่ฝืนและมีแววตาที่หม่นหมองบ่งบอกถึงความทุกข์ใจ จากนั้นเพื่อนสาวเธอก็เดินไปโรงเรียน เธอมองตามหลังเพื่อนด้วยความอิจฉาจิตใจที่ท้อแท้กับชีวิตที่เกิดมา เธอถามกับตัวเองว่าทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ อยากมีเพื่อนและเดินไปโรงเรียนด้วยกัน เธอเรียนไม่ทันจะจบมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยซ้ำมีเหตุจำเป็นต้องออกจากโรงเรียนเนื่องจากว่าแม่ของเธอนั้นล้มป่วยต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาดูแลแม่  โรงเรียนในหมู่บ้านเป็นโรงเรียนขยายโอกาสให้กับเด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อมีแต่แม่คนเดียวเท่านั้นในชีวิตนี้ไม่รู้ว่าพ่อเธออยู่ไหนแม่เคยบอกครั้งหนึ่งว่าพ่อได้ตายไปแล้ว ไม่มีรายได้แต่บางครั้งก็ยังดีที่เพื่อนบ้านหรือชาวบ้านบางคนมาจ้างให้ทอผ้าถางหญ้าในสวน แม้งานจะหนักจะเบาเธอก็ทำเพราะอยากจะพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลนับวันอาการของแม่นั้นทรุดหนักลงทุกทีเธอรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาถ้าไม่พาแม่ไปรักษา พยายามรับจ้างเก็บเงินให้ได้พอค่ารักษา และวันนี้ ?ดาดา?เกิดความท้อแท้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตเธอก้มหน้ามองกองผ้าที่นำมาซักและร้องไห้ฟูมฟายส่งเสียงร้องดัง ชาวบ้านหรือเด็กนักเรียนเดินผ่านมาเห็นก็พากันหาว่าเธอบ้าบางคนตกใจกลัววิ่งหนี แต่ในใจของเธอจะมีใครรู้บ้างไหมเข้าใจบ้างหรือเปล่าเธอท้อแท้ที่สุดไม่รู้จะไปพึ่งใครคนในหมู่บ้านไม่มีญาติ แม่เธอเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็กแล้วอีกไม่นานเธอก็จะเป็นเหมือนแม่ความรู้สึกกลัวกังวลมาพร้อมๆกันปนเปไปหมด ร่างกายของแม่อ่อนแอกินอาหารไม่ค่อยได้เหมือนเมื่อก่อนร่างกายผอมซีดเหลือกระดูกกับหนัง บางครั้งแม่ก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดชาวบ้านบางคนคิดว่าแม่เธอเป็นโรคร้ายบางคนคิดว่าวิญญาณเข้าไปสิงอยู่ในร่างกาย ห้ามให้ลูกหลานไปเข้าใกล้พากันรังเกียจเธอและแม่ ทั้งๆที่อยากขอร้องความช่วยเหลือให้เห็นใจเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเป็นความเชื่อของชาวบ้านต่างก็พาคิดไปต่างๆนานาไม่มีใครได้ช่วยเหลือเธอเลย
ณ บนดอยนี้มีต้นไม้น้อยใหญ่และดอกไม้ป่านานาพันธุ์บางชนิดกำลังออกดอกแบ่งบานสะพรั่งไปรอบหมู่บ้านที่ ?ดาดา?อาศัยอยู่ และอีกไม่นานดอกไม้เหล่านี้จะร่วงโรยไป เด็กสาวนั่งแกว่งชิงช้าตรงลานบ้านที่เป็นเนินสูงขึ้นมาเวลามองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ไกล เห็นภูเขาที่สลับซับซ้อนและต้นไม้เรียงรายไปทั่วหนแห่งนั่นคือความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่เธออาศัยแต่แตกต่างกับจิตใจของเธอนับวันยิ่งใจคอเริ่มจะไม่ดี ฝันเห็นแม่บอกลาจะไปหาพ่อ บ่อยบางครั้งถึงกับละเมอร้องไห้ตื่นขึ้นมา เวลาที่ไม่สบายใจเธอชอบมาแกว่งชิงช้าเล่น ชิงช้านี้แม่จ้างคนมาทำให้ในสมัยที่เธอยังเด็กอยู่เป็นชิงช้าไม้มีความคงทนแต่เวลานี้เริ่มผุไปบ้างแล้วแต่ยังสามารถนั่งเล่นได้ ตอนเด็กๆช่วงหน้าหนาวจะชอบมาก่อไฟนั่งผิงกับแม่แล้วนั่งมองดวงดาวในเวลาค่ำคืนดวงดาว ดวงดาวในเวลานั้นสวยงาม เธอแกว่งชิงช้าไปเรื่อยๆแล้วก็ได้ยินเสียงดังมาจากบ้านรีบมองขึ้นไปเห็นแม่พยายามจะลงบันไดบ้าน แม่หายใจหอบเหนื่อยเธอรีบวิ่งไปประคองแม่กลัวว่าแม่นั่นจะพลัดตกจากบันได
?แม่จะไปไหนเหรอคะ ทำไมไม่เรียกหนูมาล่ะ?เธอถามแม่
?แม่ไม่ไปไหนหรอกแค่อยากจะออกมาเดินเล่นบ้าง แม่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เดินเล่นกับหนูอีกนานแค่ไหน? ใบหน้าเวลาแม่พูดดูเศร้า น้ำตาคลอมองลูกสาวตัวเองด้วยความรักความสงสาร
?แม่ชอบพูดแบบนี้อีกแล้ว แม่ก็ต้องเดินเล่นกับหนูตลอดไปสิ หนูสัญญากับแม่แล้วไงว่าจะพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง?
?ดาดา วันที่หนูต้องอยู่คนเดียวลำพังต้องเข็มแข็งอดทนนะลูก ต่อไปหนูไม่ต้องทำงานหนักเก็บเงินไปรักษาแม่แล้ว หนูน่ะเอาไปซื้อของที่จำเป็นมาใช้ดูแลตัวเองหน่อยสภาพตอนนี้ดูไม่ดีเลยมอมแมมมากนะ ไม่เหมาะเป็นลูกแม่เลย เริ่มโตเป็นสาวแล้ว?
?หนูไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ เวลานี้อยากให้แม่หายจากอาการป่วยสักที? เธอบอกกับแม่เสียงสั่นๆกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหล เธอคิดในใจว่าถ้าทำได้อย่างที่แม่บอกก็ดีซิอยากทำเหมือนกันแต่ทำไม่ได้อยากให้แม่หายจากโรคร้ายอยู่ด้วยกันตลอดไปหรืออาจไม่ตลอดไปขอแค่อย่าเป็นวันนี้ถ้าแม่จากเธอไปวันนี้จะอยู่ยังไงไม่รู้จะไปพึ่งใคร
?แม่คะไปนั่งชิงช้ากับหนูไหม?เธอเอ่ยชวนแม่ แม่พยักหน้าตอบรับเธอรีบจูงมือแม่ประคองไปด้วย ทั้งคู่นั่งบนชิงช้าพร้อมกันเด็กสาวแกว่งชิงช้า ช้าๆเบาๆนั่งคุยเล่นกับแม่ทั้งคู่มีรอยยิ้มพร้อมกับลมหนาวพัดมา
ทุกวันเธอทำงานหนักตากแดดตากฝนเธอไม่เกี่ยงรับได้ทุกงาน และวันนี้อีกเช่นกันเธอมารับจ้างเก็บพริกในไร่ของคนในหมู่บ้านคนหนึ่งเพราะว่าเขาเอ็นดูและสงสารเธอจึงจ้างเธอมาช่วยงานให้ค่าแรงที่สูงเธอดีใจมากอีกไม่เท่าไรเธอก็สามารถไปรักษาแม่ได้
?ลุงคะ ขอบคุณลุงมากนะคะ?
?ไม่เป็นไรหรอกจ้า คนเราถ้าช่วยได้ก็ช่วยกัน?
?เหนื่อยก็พักนะดาดา ร่างกายผอมลงทุกวันแล้ว?ลุงบอกกับเธอ
?ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุง ยังสู้ไหวแต่ขอกลับบ้านก่อนนะคะแม่คงหิวแล้ว?
?จ้า รีบๆไป? แล้วเธอก็รีบเดินกลับบ้านระหว่างทางได้เจอกับเด็กๆนักเรียน เธอโดนเด็กๆกลั่นแกล้งเอาเศษหินเศษดินปาใส่ตัวเธอแล้วร้องตะโกนด่าว่าต่างๆนานาพากันรังเกียจ เธอยืนร้องไห้กำมือไว้แน่นเพราะความเจ็บและความน้อยใจในโชคชะตาจากนั้นเธอนึกถึงแม่ขึ้นมาเก็บย่ามและกล่องข้าววิ่งไปที่บ้านโดยเร็ว พอมาถึงบ้านเห็นแม่นั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านยังนึกสงสัยว่าออกมานั่งได้ยังไง รีบถามขึ้นว่า
?แม่หิวเหรอคะ ถึงได้ออกมารอที่ระเบียง แล้วเดินออกมาได้ยังไงคะ?
?ดาดา ต่อไปนี้หนูจะต้องไปอยู่ที่อื่นแล้วนะลูก?เธอมองหน้าแม่และงงกับคำพูด
?เพราะอะไร จะให้ไปอยู่ไหนคะ หนูจะอยู่กับแม่ที่นี่?
?วันนี้ปู่กับย่ามาหาแม่ ขอเอาหนูไปอยู่ด้วยแม่เห็นด้วยลูกแม่จะได้มีชีวิตที่ดี?
จากที่ได้ยินแม่บอก เธอโกรธและน้อยใจแม่
?หนูไม่ไป ไม่เคยมีปู่ย่าไม่มีพ่อ หนูมีแม่คนเดียว จะวันนี้วันไหนก็จะอยู่กับแม่?เธอพูดทั้งน้ำตาแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน มานั่งร้องไห้สักพักก็ลุกขึ้นหาข้าวให้แม่กิน ไม่ว่าจะวันไหนๆ ?ดาดา?ไม่เคยลืมแม่ รักแม่มากอยากอยู่ด้วยแม้ว่าเธอจะเหนื่อยสักเพียงใดยอมสู้เสมอ งานจะหนักจะเบาไม่เคยบ่น

หนึ่งเดือนต่อมาต้นไม้น้อยใหญ่ได้ทิ้งใบร่วงหล่น อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้งทำให้พืชบางชนิดแห้งเหี่ยว ดอกไม้ป่าที่เคยแบ่งบานสวยงามได้แห้งตายไปหมดแล้ว และวันนี้เธอตั้งใจจะพาแม่ไปโรงพยาบาลเพราะเงินที่เก็บก็น่าจะพอสำหรับค่ารักษาแล้วถึงไม่ได้มากมายแต่ก็พอจะช่วยได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งตัวเธอและแม่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งมดลูกระยะที่สามแล้วไม่สามารถรักษาได้
ตื่นเช้าหาข้าวให้แม่กินแล้วตัวเองก็กินกับแม่ด้วย อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอหอมแก้มแม่ทั้งซ้ายขวากอดแม่อย่างมีความสุข หลังจากนั้นเธอพาแม่ไปนั่งรอรถที่ศาลารถโดยสารที่จะเข้าไปในเมือง รถยนต์กระบะสีแดงเก่าๆคันหนึ่งเป็นรถโดยสารประจำของหมู่บ้านกำลังวิ่งมา เธอรีบโบกรถให้หยุดเพื่อรับเธอกับแม่ ผู้โดยสารแน่นแออัดเบียดกันในรถคนขับรถตะโกนบอกเธอว่า
?ไอ่หนูรอบนี้ผู้โดยสารเต็ม ไปไม่ได้รอพรุ่งนี้ก่อน?แล้วขับรถไป เธอหันมามองหน้าแม่ใบหน้าที่เห็นซีดเสียวไอแค่กๆปากสั่นๆหอบถี่หายใจเร็วผิดปกติ ด้วยความกลัวที่แม่จะเป็นอะไรไปรีบประคองแม่กลับไปบ้าน เธอรู้สึกไม่ดีเลย เธอรีบวิ่งไปบ้านลุงคนที่ทำไร่ที่เธอไปรับจ้าง
พอไปถึงหน้าบ้านของลุงเธอร้องเรียกลุงอย่างใจร้อน
?ลุง ลุงคะ อยู่บ้านหรือเปล่าคะ?
?เออๆอยู่ๆ มีอะไร ดาดา?
?ขอรบกวนช่วยพาแม่หนูไปโรงพยาบาลหน่อยนะคะ แม่อาการไม่ดีเลยเป็นหนักกว่าเดิม?เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
?อ้าว แล้วทำไมไม่ไปกับรถโดยสารล่ะ?
?ผู้โดยสารเต็มแล้ว เขาไม่ให้ขึ้น หนูขอร้องนะคะลุงจะให้ค่ารถด้วยค่ะ?
?เรื่องนั้นไม่เป็นไร ว่าแต่ทำไมพึ่งมาให้ลุงไปส่งตอนนี้ ทำไมไมไปส่งตั้งแต่เนิ่นๆ?
?ไม่มีเงินค่ะลุง ตอนนี้คิดว่าคงพอในการใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล?
?เออๆงั้นรีบๆเดี๋ยวจะเอารถไปรับที่บ้าน?
พอมาถึงบ้านแม่เรียกลูกสาวทันที น้ำตาแม่ไหลรินเมื่อเห็นหน้าลูกแม่เอามือสองข้างประคองหน้าแล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งแผ่วเบาคนฟังแทบจะไม่ได้ยิน
?ลูกสาวแม่จะต้องอดทนดูแลตัวเองให้ดี ถ้าปู่กับย่ามารับให้ไปอยู่ด้วยไปนะลูก แม่รักลูกมาก? พูดจบแม่หอมแก้มลูกสาวเบาๆ แล้วแม่ก็ได้จากเธอไปขณะนั้นเธอประคองแม่ไว้น้ำตาไหลรินร้องเรียกแม่ให้ตื่นอย่างสุดเสียงคล้ายคนบ้าคลั่งร้องไห้กอดศพแม่ จนชาวบ้านได้ยินแล้วมาดู แล้วได้ช่วยจัดงานศพตามพิธีกรรมทางศาสนา
หลังจากที่งานศพแม่ผ่านไปแล้ว เธอไปหาแม่ที่สุสานทุกวันบางวันไปนั่งเล่นพูดคุยกับหลุมฝังศพทั้งวัน ตื่นเช้ามาจะไปทักทายหลุมฝังศพแม่แต่เช้าเหมือนกับแม่ยังอยู่กับเธอตลอดเวลาเพราะความรักความผูกพันของลูกกับแม่นั้นมีมากเกินคำบรรยายเธอทำแบบนี้เป็นประจำ
ค่ำคืนนี้เธออยู่บ้านเพียงลำพังแล้วนั่งที่ชิงช้าแกว่งไปมาช้าๆเหมือนเคย เธอใส่เสื้อกันหนาวผืนใหญ่ต้านกับอากาศหนาวแหงนมองขึ้นท้องฟ้าเห็นหมู่ดาวส่องแสงระยิบระยับเต็มไปหมด นึกถึงคำพูดของแม่ว่า
?ลูกสาวแม่ต้องเข้มแข็งและอดทนนะ? เธอเชื่อคำที่แม่พูดแม่สอนเสมอแม้วันๆไหนไม่เคยลืม ที่ผ่านมาไม่นานมานี้เธอพึ่งรู้ว่าพ่อได้เสียชีวิตแล้วจริงๆส่วนปู่กับย่าเธอนั้นโทษแม่เป็นคนที่ทำให้พ่อตาย ตอนนั้นแม่เสียใจมากกำลังอุ้มท้องเธออยู่ ปู่กับย่าไล่ออกจากบ้าน แม่จึงทุลักทุเลดั้นด้นมาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อที่จะลืมเรื่องราวในอดีตและโชคชะตาไม่เคยเข้าข้างแม่เธอเลยแม่เจอเรื่องร้ายๆตลอดจนถึงวันที่ได้จากไป แล้วไปอย่างไม่มีวันกลับมา ปู่กับย่ามาหาวันนั้นเพื่อจะรับเธอไปอยู่ด้วยแต่ไม่ยอมไปปู่กับย่าตัดสินใจกลับไป
เธอรักและผูกพันที่นี้ ที่ที่แม่เคยให้ความรักความอบอุ่นแม้ว่าบ้านหลังเล็กจะเป็นกระต๊อบน้อยเวลาอยู่กับแม่ก็มีความสุข เธอรักแม่ เงินที่เป็นค่ารักษาพยาบาลแม่ยังเก็บไว้ไม่ได้นำไปใช้ เธอยังคงแกว่งชิงช้าอย่างช้าๆคงเดิมแม้เวลาจะค่อนคืนแล้วฟังเสียงลมหนาวพัดมาอย่างเอื่อยๆ วันนี้แม่เธอนั้นจะอยู่ไหนก็ตามบนดวงดาวบนท้องฟ้าไกลแสนไกลเธอยังรักแม่ ความรักที่บริสุทธิ์ที่แม่มีให้กับลูกนั้นเชื่อว่าแม่ยังจะรักเป็นห่วงแม้กาลเวลาหมุนเปลี่ยนก็ตามเหมือนกับเธอที่รักแม่  ?ตราบจนนิรันดร์จะคงอยู่กับเธอตลอดไป?

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!