จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ธันวาคม 23, 2024, 05:28:28 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ศึกษากฏแห่งกรรมอย่างง่ายที่สุด  (อ่าน 5485 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1444


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2015, 01:54:44 pm »

      กฎแห่งกรรม
พระพุทธองค์องค์ได้ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทเป็นหลักสำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะหากใครกระทำผิดกฎแห่งกรรมแล้ว จะมีผลต่อการดำเนินชีวิต จะต้องได้รับความทุกข์สิ้นกาลนานทั้งในปัจจุบันและอนาคต หลักกรรมที่พระองค์นำมาสั่งสอนมีปรากฏอยู่หลายแห่งในพระไตรปิฎก แต่ที่จะนำมากล่าวนี้อยู่ใน เวขสาขชาดก*** ความว่า
? ยานิ กโรติ ปุริโส ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ รุหเต ผลํ
บุคคลทำกรรมใด ย่อมมองเห็นกรรมนั้นในตน
ผู้ทำกรรมดีย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว
บุคคลหวานพืชเช่นใด ผลย่อมงอกขึ้นเช่นนั้น?
กฎแห่งกรรม กรรมที่เกิดจากการตัดสินใจทำลงไปแล้วย่อมให้ผล
ประโยชน์ของการศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรม
      การที่เรารู้จักคุณประโยชน์ คุณค่า คุณงามความดีของสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะทำให้เราเป็นผู้มีความประพฤติปฏิบัติไปในทางที่ถูกต้อง รู้ทั้งคุณและโทษแล้วเลือกทำแต่คุณความดีอย่างเดียว ในกรณีที่เราศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมย่อมก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาล สามารถยกระดับจิตของเราจากปุถุชนสู่ความเป็นพระอริยบุคคลประเภทต่างๆ ซึ่งจะขอยกประโยชน์สำคัญๆ ที่ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขในปัจจุบันชาตินี้ ชาติหน้า และชาติต่อๆ ไป ดังนี้
     1. ทุกคนต้องกระตือรือร้นทำแต่กรรมดีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะการที่เกิดมามีโชคดีในชาตินี้ เนื่องจากกรรมดีในอดีตส่งผล แต่การให้ผลของกรรมดีนั้นมีวันหมดสิ้นไป จึงต้องสร้างกรรมดีเพิ่ม เพื่อมิให้ผลแห่งกรรมดี คือบุญที่สั่งสมอยู่ในใจมาตั้งแต่อดีตต้องขาดช่วง หรือหมดลง ส่วนผู้เกิดมาโชคร้าย ก็อย่าได้ท้อแท้สิ้นหวัง เพราะเมื่อรู้ว่าอะไรคือกรรมดี กรรมชั่วแล้ว ก็ควรขวนขวายทำแต่กรรมดีกระทำอย่างต่อเนื่อง เพราะการทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็คือการทำอนาคตให้ดี
     2. ไม่สร้างกรรมชั่วเพิ่มอีก เพราะตระหนักถึงผลร้ายที่จะติดตามมาส่งผลให้แก่ตนเอง เพื่อนร่วมโลก และสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ
     3. ไม่อยู่นิ่งเฉยโดยไม่สร้างกรรมดีอะไรเลย คือ ไม่พึงคิดว่าเราเองก็ไม่ได้ทำความชั่วอะไรเลยฉะนั้นถ้าจะไม่ทำความดีก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร แต่ต้องทำความเข้าใจว่า ลมหายใจเข้าออกของเราทุกวินาทีต้องอาศัยบุญกรรมที่เคยสั่งสมมาในอดีต ถ้าไม่ทำความดีเพิ่ม ความดีเก่าก่อนที่เพียรสั่งสมมาก็จะหมดสิ้นไป และที่สำคัญสังขารร่างกายของเรานับวันจะเสื่อมถอยลงไปทุกวันๆ ฉะนั้นโอกาสที่จะทำกรรมดีก็เหลือน้อยเต็มที
     4. ใช้สรีระร่างกายให้เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง หรือร่างกายพิการ เมื่อศึกษาเรื่องกรรมดี กรรมชั่วอย่างถ่องแท้ แล้วเลือกทำแต่กรรมดี ถึงแม้ร่างกายจะพิการแต่ก็ยังสามารถทำความดีได้อีกมาก ต่างกับคนที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแต่เอาไปใช้ทำความชั่ว หรือต่างกับร่างกายของสัตว์ดิรัจฉานแม้จะสมบูรณ์แต่ก็ยากที่จะใช้สร้างกรรมดี ทั้งนี้ ทั้งนั้นแล้ว จะต้องควบคุมกาย วาจา และใจของเราให้สูงส่งไม่ตกต่ำไปตามอำนาจกิเลส
     5. มีศรัทธามั่นคงในเรื่องกฎแห่งกรรม ธรรมชาติของคนมีศรัทธาคลอนแคลนจึงสามารถทำได้ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จึงจำเป็นต้องศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมให้ถ่องแท้เข้าไปอยู่ในความคิดจิตใจเป็นนิสัยที่ดีติดตัวไป สามารถตอบตนเองได้ว่าสิ่งที่ทำลงไปแล้วจะมีผลกลับมาอย่างไร เมื่อทำกรรมดีจะส่งผลให้มีธรรมคู่โลกฝ่ายดี คือ ความสุขทั้งสุขภาพร่างกายสุขภาพใจ มีความสำเร็จสมปรารถนาทางเศรษฐกิจดี มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยด้วยอาชีพสุจริต มีเกียรติยศชื่อเสียงขจรขจายเป็นที่เคารพยกย่อง ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นกับเราทำให้มีความเป็นอยู่ที่เพรียบพร้อมสนับสนุนการทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
     6. เราสามารถออกแบบลิขิตชีวิตของเราเองได้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า สามารถเลือกได้ว่าเราอยากมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายมั่งคั่ง หรือความเป็นอยู่ที่ยากแค้นแสนสาหัส เรามักได้ยินคำกล่าวที่ว่า ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถเลือกที่จะทำได้ ถ้าศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมอย่างเข้าใจถ่องแท้ และสามารถจับแง่คิดมุมประเด็นสำคัญของกฎแห่งกรรมได้ นั่นจะทำให้เราสามารถเลือกเกิดได้ด้วยกรรมของตน
      7. สามารถตั้งเป้าหมายชีวิตให้ถูกต้อง เมื่อได้ศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมก็จะพบรากแท้แห่งปัญหาว่าเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ ธุรกิจการงาน สังคม และสิ่งแวดล้อมเมื่อทราบแล้วก็จะพบเห็นทางออกพร้อมวิธีการแก้ไขปัญหา การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดคือต้องแก้ไขที่ความคิด ต้องตอกย้ำความคิดที่ถูกต้องให้เข้าไปอยู่ในใจให้ได้ว่า เราเกิดมาเพื่อสร้างความดี สร้างบุญสร้างบารมี ซึ่งสามารถตั้งเป้าหมายชีวิตการทำความดีของเราได้ 3 ระดับ คือ
     เป้าหมายชีวิตระดับต้น อยู่เย็นเป็นสุข สุขกายสบายใจในภพชาติปัจจุบัน
     เป้าหมายชีวิตระดับกลาง อยู่เย็นเป็นสุขในภพชาติหน้า คือสุคติโลกสวรรค์
     เป้าหมายชีวิตระดับสูง ยกระดับกาย วาจา และใจของตนเองให้สูงส่งหลุดพ้นจากอำนาจกิเลสอาสวะทั้งปวง ไม่ต้องหวนกลับมาเวียนเกิดเวียนตายอีกต่อไป
 จิตเดิมแท้ของมนุษย์ทุกคนนั้นประภัสสรคือสว่างใสงดงาม
 8. สามารถตักเตือนสั่งสอนตนเองและแนะนำผู้อื่นให้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ จิตเดิมแท้ของมนุษย์ทุกคนนั้นประภัสสรคือสว่างใสงดงาม ดังนั้นเมื่อได้รับรู้รับฟังสิ่งที่ดีจิตก็ผ่องใส เมื่อมีกำลังใจในการทำความดี ก็อยากจะทำตนเองให้ดีและอยากชักชวนแนะนำบอกกล่าวให้คนอื่นทำตาม นั่นคือการทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรแนะนำประโยชน์ เป็นมิตรแท้
   9. ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต เห็นโทษภัยแม้เพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นบทสรุปของพระพุทธศาสนาที่ว่าจะทำทาน รักษาศีล หมั่นเจริญสมาธิภาวนา ก็เพื่อให้เกิดปัญญา เพราะปัญญาเปรียบประดุจแสง-สว่างส่องชี้นำทางสัตว์โลกให้ดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ถูกต้อง
     10. สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันความบกพร่องทางความคิดแบบผิดๆ มนุษย์มักคิดจินตนาการ เรื่องราวไปต่างๆ นานา จริงบ้างไม่จริงบ้างสมมติเอาเองเสียบ้างก็มี ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดต่อเรื่องราวความเป็นจริงของโลกและชีวิตที่เป็นกฎธรรมชาติ เช่น ร่างกายของเราต้องแตกสลายไปเป็นธรรมดา ไม่ยั่งยืนยาวนาน แต่บางท่านกลับคิดหายาอายุวัฒนะทำให้มีอายุยืนๆ ทำนองนี้เป็นต้น บ้างก็คิดว่า โลกนี้เที่ยงยั่งยืนไม่มีวันเสื่อมสลายหรือถูกทำลาย และจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป โลกนี้โลกหน้าไม่มี เกิดกันชาติเดียว ทุกสิ่งที่ทำไปก็ไม่มีผลอะไร เพราะชีวิตหลังความตายไม่มี ไม่ต้องเกิดต่อไปแล้ว เหล่านี้เป็นเรื่องอันตรายทำให้เกิดความยึดติดอยู่ในภพไม่คิดออกนอกกรอบคือหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
ฮืมฮืมฮืมฮืมฮืมฮืมฮืมฮืม?
ขั้นตอน
๑.ศึกษาเอกสาร ๒ เลือกเรื่องที่ชอบ และเข้าใจ  ๓ อภิปรายและยกตัวอย่างประกอบ สรุป เรื่องกฎแห่งกรรม

อภิปราย โต๊ะกลม รับผิดชอบ อธิบายความ  ท่านละ ๑ เรื่อง (ข้อ) พร้อมยกตัวอย่าง ประกอบ  ท่านละ ๓-๔ นาที ทุกท่าน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!