จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 12, 2025, 10:34:29 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่๕เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก” ก่อนถึงวันพระร  (อ่าน 61 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1473


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: มีนาคม 06, 2025, 11:44:15 am »

เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก”
ก่อนถึงวันพระราชทานเพลิงศพพระเทพวชิรเมธี,ผศ.ดร. (วีระ วรปญฺโญ)
เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร และเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง

ตอนที่ ๕ : จากบ้านคุยป่ารัง สู่วัดโพธาราม เมืองปากน้ำโพ (ต่อ)
เมื่อสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอกซึ่งถือว่าเป็นการศึกษาชั้นสูงสุดของแม่กองธรรมสนามหลวง หลวงพ่อก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูต จังหวัดนครสวรรค์ และการสอบไล่ได้ประโยค ๑ - ๒ ซึ่ง ถือว่าเป็นชั้นเริ่มต้นของการศึกษาพระบาลีของบาลีสนามหลวง ก็ทำให้หลวงพ่อมีความตั้งใจมุ่งมานะพยายามอ่านหนังสือและท่องหนังสืออย่างหนัก เพื่อให้สอบไล่ได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค พระภิกษุสามเณรผู้ที่สามารถสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๓ ประโยคก็จะได้ชื่อว่าเป็น “มหาเปรียญ” อันเป็นความใฝ่ฝันของหลวงพ่อที่จะก้าวตามรอยของหลวงอาพระมหากอง ประกอบกับใน ช่วงเวลานั้นทางครูสอนได้มีแนวคิดในการจัดอบรมบาลีก่อนสอบสนามหลวง ทำให้มีความมั่นใจ การการทำข้อสอบมากขึ้น ที่สำคัญคือ ในการสอบชั้นประโยค ๑ - ๒ ปีนั้นออกตรงกับที่พระครู วชิรปริยัติคุณ (พระมหาชุมพล) เก็งให้กับนักเรียน ทำให้หลวงพ่อมีความหวังตั้งแต่เห็นข้อสอบแล้ว ดังที่หลวงพ่อได้เขียนรำลึกถึงพระคุณของพระครูวชิรปริยัติคุณ ผู้เก็งข้อสอบในปีนั้นไว้ว่า
“จากนวัตกรรมอันยอดเยี่ยม คือโครงการอบรมบาลีก่อนสอบสนามหลวง ทำให้ผู้สอบได้ บาลีสนามหลวงของสำนักวัดโพธารามมีจำนวนมากขึ้นโดยลำดับ ในยุคนั้นสอบบาลีได้ใน สนามหลวงเริ่มเกิน ๑๐๐ รูป สูงที่สุดน่าจะเป็น ๑๕๒ รูป การอบรมบาลีก่อนสอบสนามหลวงในปี ถัดมา ท่านอาจารย์พระมหาชุมพลได้ปรับปรุงการอบรมบาลีก่อนสอบให้มีรูปแบบที่เข้มข้นมาก ยิ่งขึ้น เช่นการแข่งขันตอบปัญหา การจัดรางวัลที่แยกย่อยชั้นต่าง ๆ ออกไป การประกาศผล คะแนนที่ยั่วยุให้นักเรียนมีความมุ่งมั่นที่จะทำคะแนนให้ดีมากยิ่งขึ้นในวันต่อไป ทั้งคณะครูและ นักเรียนร่วมไม้ร่วมมือกันเป็นอย่างดีอาจารย์พระมหากองได้ขอทำงบประมาณเพิ่มมากขึ้นและ อาจารย์ใหญ่พระมหาสายติ่งก็ยินดีอนุมัติงบประมาณในการจัดการอบรมบาลีทำให้ในช่วงนั้นมีการ สอบบาลีได้มากเป็นลำดับ
ข้าพเจ้าเองเป็นนักเรียนชั้นประโยค ๑ - ๒ ดูหนังสือเรียกได้ว่าแทบจะท่องจำได้เลย เมื่อ ปิดโครงการอบรมบาลีก่อนสอบ มองดูต้นไม้ แผ่นดินเหลืองไปหมด แต่กระนั้นก็ตามอาจารย์ พระมหาชุมพลก็ยังติวเข้มในวันสอบช่วงเช้า นักเรียนนั่งล้อมวงหน้าโรงเรียนแบบสบาย ๆ นำเอา ประโยคเก็งมากระตุ้นให้นักเรียนดูหนังสือ ยังจำได้ว่าประโยค ๑ - ๒ นั้น ปีที่แล้ว ออกเรื่องมัฏฐะ กุณฑลีไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าท่านอาจารย์พระมหาชุมพลเก็งแม่นมาก ปีข้าพเจ้าสอบท่านก็ยังเก็ง มัฏฐะกุณฑลีต่อจากปีที่แล้วอีก มีครูหลายรูปค้านบอกเสียเวลานักเรียน (ข้อมูลนี้สามารถเปิดสถิติ การออกข้อสอบสนามหลวงประโยค ๑ - ๒ ปี ๒๕ - ๒๖ ดูได้) แต่ท่านอาจารย์ให้อาจารย์พระมหา สุเมธเป็นผู้แปลให้นักเรียนฟังเวลาเช้า ช่วงบ่ายไปสอบปรากฏว่าออกตรงตามนั้น จำได้ว่าสามเณร บุญสิน คนนครศรีธรรรมราช ปัญหาตรงจนเหงื่อออกมือสั่น เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงยังเขียนไม่ได้ เลย”
ด้วยความที่หลวงพ่อเป็นผู้มีความจำเป็นเลิศประกอบกับความเพียรพยายามในการท่องจำ บาลีไวยากรณ์ รวมไปถึงการได้รับการสอนที่เข้มงวดจากพระมหาจรัญ วิจารณเมธี ป.ธ. ๙ และ พระมหาสุเมธ ป.ธ. ๗ ซึ่งเป็นครูสอนเปรียญธรรม ๓ ประโยคของสำนักศาสนศึกษาวัดโพธาราม ทำให้หลวงพ่อสามารถสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๓ ประโยคในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ นับว่าบรรลุความตั้งใจในขั้นต้นของหลวงพ่อ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจและปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งของโยมบิดาและญาติพี่ น้อง หลวงพ่อเล่าว่า “ในการสอบประโยค ๓ ปีนั้น เราออกจากห้องสอบด้วยความมั่นใจอย่างมาก ว่ายังไงก็ต้องสอบผ่านแน่ เพราะมันใกล้เคียงกับที่พระอาจารย์เก็งข้อสอบให้ และเราก็ท่องได้จน ขึ้นใจ พอผลสอบออกมาเรานี่ดีใจจนน้ำตาไหล ในที่สุดก็สามารถเป็นพระมหาได้แล้ว ภาพโยมพ่อ โยมแม่นี่ลอยมาเลย ตอนนั้นอยากให้ได้ยินข่าวดีมากเลย แต่การสื่อสารมันก็ลำบาก รีบเขียน จดหมายส่งไปคุยป่ารังทันที”
ปีนั้นหลวงพ่อได้เข้ารับพระราชทานใบประกาศนียบัตรและพัดยศเปรียญธรรม ๓ ประโยค จากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เมื่อครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระอริยวงศา คตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นประธาน เมื่อรับพัดเปรียญธรรม ๓ ประโยคแล้ว ก็นำพัดยศกลับมาฉลองสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ ณ ที่พักสงฆ์ คุยป่ารัง นำมาซึ่งความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งของญาติพี่น้องและชาวบ้านคุยป่ารังที่มีพระมหา เป็นชาวบ้านคุยป่ารังถึง ๒ รูปด้วยกัน
การสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ทำให้หลวงพ่อมีความเพียรพยายามเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะความมุ่งมั่นตั้งใจว่า “เราจะต้องเป็นพระมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยคให้ได้” จึงตั้งใจ ท่องตำราของหลักสูตรชั้นเปรียญธรรม ๔ ประโยค โดยมีพระมหาสายติ่ง ฐิตสจฺโจ ป.ธ. ๘ ซึ่งเป็น อาจารย์ใหญ่ของสำนักศาสนศึกษาวัดโพธารามเป็นครูสอนเปรียญธรรม ๔ ประโยค ทั้งยังได้รับ ความเมตตาจากพระมหาสมคิด เขมจารี ป.ธ. ๙ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ พระอารามหลวง กรุงเทพ ฯ (ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองที่พระพรหมวชิร ธีรคุณ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ และเจ้าคณะภาค ๑๑) ซึ่งขณะนั้นขึ้นมาช่วยสอนบาลีในการอบรมบาลีก่อนสอบสนามหลวงที่สำนักเรียนวัดโพธารามพอดี ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ของหลวงพ่อ ในที่สุดผลการสอบไล่บาลีสนามหลวงประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ก็ปรากฏว่า พระมหา วีระ วรปญฺโญ พรรษา ๕ วัดโพธาราม จังหวัดนครสวรรค์ สามารถสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค
ช่วงที่หลวงพ่อเรียนชั้นเปรียญธรรม ๔ ประโยค ยังได้รับโอกาสจากผู้บริหารโรงเรียน พระปริยัติธรรมคุณาภรณ์ประสาธน์ให้เป็นครูผู้สอนบาลีด้วยเป็นกรณีพิเศษ โดยการนำเสนอของ พระครูวชิรปริยัติคุณ (พระมหาชุมพล) ดังปรากฏในบันทึกของหลวงพ่อว่า
“ข้าพเจ้าจำได้ว่า ในปีที่สอบได้ ป.ธ. ๓ นั้น ตามภูมิรู้และระเบียบคณะครู จะได้บรรจุสอน เพียงโรงเรียนสัตตาหศึกษาวันอาทิตย์เท่านั้น ส่วนโรงเรียนพระปริยัติธรรมจะยังไม่สามารถบรรจุ สอนได้ เนื่องจากยังไม่ได้ ป.ธ. ๔ แต่ท่านอาจารย์พระมหาชุมพล ได้เสนอในที่ประชุมว่าให้บรรจุ พระมหาวีระสอนบาลีด้วย เพราะมีความรู้ความสามารถ ข้าพเจ้าจึงได้สอนบาลีตั้งแต่ปีที่สอบได้ ป.ธ. ๓ เพราะอาศัยเมตตาท่านอาจารย์ รุ่นแรกที่ข้าพเจ้าสอน พอจำได้คือ พระมหาสุพรต (ปัจจุบันคือรองศาสตราจารย์ ดร.สุพรต บุญอ่อน) ได้ถึง ป.ธ. ๗ ดร. สนั่น กัลปา ได้ถึง ป.ธ. ๗ พระมหาแสง ได้ถึง ป.ธ. ๙ พระมหาอนันต์ ได้ถึง ป.ธ. ๕ พระมหานิโครธ ได้ถึง ป.ธ. ๖ ฯลฯ ศิษย์ ที่ข้าพเจ้าสอนทุก ๆ รุ่นก็ขอให้นับถืออาจารย์พระมหาชุมพลเป็น “อาจารย์ปู่” ด้วย”
ในระหว่างนี้ หลวงพ่อยังได้นำวุฒิบัตรนักธรรมชั้นเอก ซึ่งเทียบวุฒิการศึกษาเท่ากับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น (ม. ๓) ไปสมัครเรียนต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่สำนักงานการศึกษา นอกโรงเรียน (กศน.) อำเภอเมืองนครสวรรค์เพื่อให้สำเร็จการศึกษาในระดับสูงขึ้น และในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ หลวงพ่อก็สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม. ๖) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ พยายามในการศึกษาเล่าเรียนให้ควบคู่กันทั้งทางโลกและทางธรรม
ด้วยความทุ่มเทในการศึกษาบาลีของหลวงพ่อ ทำให้หลวงพ่อได้รับคำชมจากครูผู้สอนมา โดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพระครูวชิรปริยัติคุณ (พระมหาชุมพล) ซึ่งมักจะชมหลวงพ่ออยู่ เสมอ เมื่อครั้งผู้เขียนมาอยู่วัดพระบรมธาตุท่านพระครูวชิรปริยัติคุณยังพูดชมหลวงพ่อเมื่อครั้งที่ยัง เรียนบาลีที่วัดโพธารามให้ฟังอยู่เสมอ ในหนังสือคิดถึงพระมหาชุมพล เขมปญฺโญ ป.ธ. ๖ หลวงพ่อ ได้บันทึกเกี่ยวกับคำชมของพระครูวชิรปริยัติคุณไว้ว่า
“ส่วนตัวข้าพเจ้าเอง ท่านอาจารย์ก็ชมอยู่บ้าง เช่น เจ้าคุณราช ฯ ตอนเรียนบาลี ลักษณะ การเรียนไม่ได้มุ่งสอบได้ แต่มุ่งเป็นครูสอนบาลีเลย ยังนึกชื่นชมท่านอาจารย์ท่านลึกซึ้งจริง ๆ หากจะถามข้าพเจ้าก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะใหม่ๆ รักศรัทธาบาลีมาก ยิ่งได้ท่านอาจารย์พระ มหาชุมพลเอาจริงเอาจังแบบนี้ด้วยแล้ว ขอเรียนแบบถวายชีวิตเลย”

เมื่อสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๔ ประโยคแล้ว หลวงพ่อเล่าว่า ในเวลานั้นได้รับตำแหน่ง เลขานุการโรงเรียนสัตตาหศึกษาวันอาทิตย์ (คือโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดโพธาราม) ซึ่งมีนักเรียนจำนวนมากมาเรียนทุกวันอาทิตย์ การควบคุมดูแลนักเรียนและทำงานเอกสารต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องทุ่มเทเป็นอย่างมาก ทำให้หลวงพ่อต้องแบ่งเวลาทั้งการท่องพระบาลีในการเรียนต่อ เปรียญธรรม ๕ ประโยค และการเรียน กศน. มาให้กับการทำงานเลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัด
ไม่เพียงเท่านี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ นี้ เจ้าอาวาสและผู้บริหารสำนักศาสนศึกษาวัดโพธาราม ยังเห็นว่าหลวงพ่อเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางการศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม ๔ ประโยคแล้ว จึงมอบหมายให้หลวงพ่อเป็นครูสอนพระปริยัติ ธรรมทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลีประจำสำนักศาสนศึกษาวัดโพธาราม โดยหลวงพ่อได้สอนนักธรรมชั้นโท - เอก และชั้นเปรียญธรรม ๓ ประโยค นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ยังได้รับการ แต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจปัญหาธรรมสนามหลวง
การที่หลวงพ่อได้รับภาระงานที่มากขึ้นดังกล่าวมานี้ แสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถ ของหลวงพ่อที่ทางเจ้าอาวาสและพระเถระภายในวัดโพธารามเล็งเห็น และหลวงพ่อก็ปฏิบัติงาน ตามที่ได้รับแต่งตั้งหรือได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ไม่มีบกพร่อง แต่ทว่าการทำงานที่มากขึ้นควบคู่ กับการเรียนเปรียญธรรม ๕ ประโยค ซึ่งมีพระมหาสายติ่ง ฐิตสจฺโจ ป.ธ. ๘ เป็นผู้สอนทำได้ไม่เต็ม เม็ดเต็มหน่วยเหมือนตอนที่เรียนเปรียญธรรม ๔ ประโยค เวลาในการท่องจำหนังสือก็น้อยลง จึง ทำให้ในการสอบไล่เปรียญธรรม ๕ ประโยคในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ หลวงพ่อสอบตก ทำให้ท่านรู้สึก เสียใจเป็นอย่างมาก
การสอบตกเปรียญธรรม ๕ ประโยคเป็นสาเหตุที่ทำให้หลวงพ่อเลือกตัดสินใจเดินทางลง ไปศึกษาพระบาลีที่กรุงเทพ ฯ หลวงพ่อบันทึกไว้ว่า “สาเหตุที่ย้ายเพราะปี ๒๘ - ๒๙ ข้าพเจ้าเรียน ป.ธ. ๕ และรับตำแหน่งเลขานุการโรงเรียนสัตตาหศึกษาวันอาทิตย์ บ้างาน เรียนน้อย ผลปรากฏ ว่า สอบตก ใจหวิวเลย ตัดสินใจเข้ากรุงเทพ มุ่งประโยค ๙”

ผู้เขียน : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีระวัฒน์ แสนคำ
#ติดตามอ่านต่อตอนที่  ๖
#หลวงตาเอก #วัดพระบรมธาตุนครชุม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!