จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 12, 2025, 10:51:10 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ ๖ เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก” ก่อนถึงวันพร  (อ่าน 55 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1473


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: มีนาคม 06, 2025, 01:47:08 pm »

เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก”
ก่อนถึงวันพระราชทานเพลิงศพพระเทพวชิรเมธี,ผศ.ดร. (วีระ วรปญฺโญ)
เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร และเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง

ตอนที่ ๖: มุ่งหน้าสู่การเป็นพระมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค

การลงไปอยู่กรุงเทพ ฯ หลวงพ่อได้รับเมตตาจากพระราชพฤฒาจารย์ (เชียง อินฺทโชโต) ให้เข้าพักที่วัดราชบุรณะหรือวัดเลียบ พระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ที่อยู่ใกล้เชิง สะพานพระพุทธยอดฟ้า แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร แต่กว่าจะได้วัดเข้าพักเพื่อศึกษาเล่า เรียนนั้นก็ลำบากมาก กว่าจะได้มาอยู่วัดราชบุรณะก็ผ่านมาแล้วหลายวัด โชคดีที่มีพระครูวชิรปริยัติคุณเมตตาประสานงานกับลูกศิษย์ทางกรุงเทพ ฯ ให้ช่วยหาวัดให้ และมีพระครูวชิรปริยัติคุณ รับรองความประพฤติจึงสามารถเข้าพักที่วัดราชบุรณะได้ ดังที่หลวงพ่อบันทึกไว้ว่า

 “ท่านอาจารย์(ในที่นี้หมายถึงพระครูวชิรปริยัติคุณ) มอบหมายให้พระมหาประจวบ ฐิติสมฺปนฺโน วัดคลองเตยนอก พาข้าพเจ้าหาวัดอยู่เรียน พ.ศ. ๒๕๒๙ หาวัดยากมาก ในเกาะ รัตนโกสินทร์ เข้าสมัครทุกวัด พระมหาประจวบพาเดินมากกว่านั่งรถ ซาบซึ้งท่านมาก ท่าน อาจารย์บังคับ พระมหาสุรพล (ปัจจุบันคือรองศาสตราจารย์ ดร. สุรพล สุยะพรม) หากข้าพเจ้าหา วัดอยู่ไม่ได้ ต้องรับเข้าวัดสะพานสูง บางซื่อ จริงๆ ท่านอาจารย์อยากให้ข้าพเจ้าอยู่วัดทองนพคุณ ซึ่งฝากสามเณรวันนา ฐานโอภาส และสามเณรบุญเลิศ โคตรภัตร อยู่ได้แล้ว แต่กฎเกณฑ์ของวัด ทองนพคุณ รับพระอายุไม่เกิน ๒๕ ข้าพเจ้า ๒๖ เกินไปปีเดียว ขอเท่าไหร่ก็ไม่ได้ แม้ท่านเจ้าคุณ อาจารย์เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันจะคุ้นเคยสนิทกันตอนเป็นวิทยากรอบรมบาลีที่วัดโพ ฯ ก็เถอะ ในที่สุดก็ได้เข้าอยู่อาศัยประจำที่วัดราชบุรณะ (วัดเลียบ) เชิงสะพานพุทธ ด้วยบารมีพระมหาสฤษดิ์ (ปัจจุบันคือพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์) และพระมหามานพ (พันเอกมานพ เมืองแก้ว อนุศาสนาจารย์) ท่านอาจารย์พระมหาชุมพล รับรองประวัติและความประพฤติ”

ในการเรียนชั้นเปรียญธรรม ๕ ประโยค ที่สำนักศาสนศึกษาวัดราชบุรณะ หลวงพ่อได้รับ เมตตาจากพระมหาปรีชา อภิวณฺโณ ป.ธ. ๙ (ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นธรรมที่พระธรรมวชิรนายก และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบุรณะ และเจ้าคณะภาค ๘) เป็นครูผู้สอน และผลของความเพียรพยายามตั้งใจเรียนก็ไม่ทำให้หลวงพ่อผิดหวัง การประกาศผล สอบบาลีสนามหลวงในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ หลวงพ่อสามารถสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค ซึ่ง ทำให้หลวงพ่อรู้สึกว่าการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และมุ่งหน้าเข้ามาศึกษาพระบาลีที่กรุงเทพ ฯ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

การลงไปใช้ชีวิตเป็นพระกรุงเทพ ฯ มีความแตกต่างจากการเป็นพระบ้านนอกโดยสิ้นเชิง หลวงพ่อบันทึกไว้ว่าเพราะได้กำลังใจและคำสอนสั่งจากพระครูวชิรปริยัติคุณ (พระมหาชุมพล) จึง ทำให้ปรับตัวอยู่ได้ ดังที่หลวงพ่อบันทึกไว้ว่า “ชีวิตพระกรุงเทพมันต่างจากพระบ้านนอกโดย สิ้นเชิง ท่านอาจารย์สอนว่าต้องอดทน เพราะเรามาเรียนไม่ใช่มาสุขสบาย โชคดีที่ข้าพเจ้าไม่ ลำบากที่อยู่ แต่ที่เรียนนั้นพอทน ออกไปเรียนนอกวัดด้วย ช่วงปีแรกท่านอาจารย์บอกให้เรียนบาลี เต็มที่อย่าทำอย่างอื่น ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่าต้องเรียนเยอะ ๆ ป.ธ. ๕ ปีสอง จึงแสวงหาที่เรียน เต็มที่ เช้าเรียนที่วัดทองนพคุณ ท่านเจ้าคุณอาจารย์เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันสอน บ่ายไปเรียนวัด บพิตรพิมุข ท่านเจ้าคุณอาจารย์เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันสอน ค่ำเรียนที่วัดที่อยู่ คือวัดราชบุรณะ ท่าน เจ้าคุณเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันสอน ต่างจากอยู่วัดโพ ฯ ที่ถือหนังสือเดินเข้าโรงเรียน

ความห่วงลูกศิษย์ ท่านอาจารย์พระมหาชุมพลไปเยี่ยม ถามสารทุกข์สุขดิบหลายครั้งกลัว จะอยู่ไม่ได้ แต่พอเห็นข้าพเจ้าเรียนแบบเอาเป็นเอาตายก็ห่วงอีกแบบคือ กลัวผิดหวังมากหากสอบ ตก ข้าพเจ้าบอกให้ท่านอาจารย์สบายใจได้ การเรียนแบบเป็นอาชีพหลัก พอออกพรรษาเรียนจบ หลายรอบ พอถึงสิ้นปีใจมันอยากสอบแล้ว แต่ต้องรอจนต้นกุมภาพันธ์ อานิสงส์ดูหนังสือหนัก เรียนหนัก รางวัลคือสอบได้ในปีนั้น ท่านอาจารย์ไปรอผลสอบวันประกาศผลที่วัดเบญจมบพิตร (ปี นั้นเลขาแม่กองบาลีอยู่ที่นั่น) มีรุ่นพี่คือพระมหาอภิชาติทำงานตรงนั้นเลยได้ผลมาอย่างไม่เป็น ทางการ ท่านรีบโทรศัพท์มาบอกข้าพเจ้าอย่างรวดเร็ว ครูอยากรู้ผลสอบมากกว่าศิษย์ วันที่ข้าพเจ้า ทำให้อาจารย์ปลื้มใจที่สุด คือ ปี ๒๕๓๓ สอบได้ประโยค ๙ ท่านอาจารย์ไปควบคุมการเตรียมการ เข้ารับพัดที่วัดเลียบอยู่ ๓ วัน นี่คือหัวอกครู”

นอกจากนี้ หลวงพ่อยังเคยเล่าชีวิตความเป็นอยู่ของพระมหาบ้านนอกที่เข้าไปอยู่ในเมือง พระนครก็ต้องมีการปรับตัวเป็นธรรมดา ว่า
“ตอนเราอยู่วัดเลียบ เราก็อยู่อย่างที่รุ่นพี่ ๆ เขาอยู่มาก่อน ถึงเวลาก็ลง ทำวัตรสวดมนต์ แยกย้ายกันไปเรียนตามสำนักเรียนต่าง ๆ เย็นก็กลับมาเรียนที่วัดเลียบ แล้วก็ท่องหนังสือ สมัยนั้น แต่ละคนต่างก็มุ่งมั่นท่องหนังสือ ไม่ค่อยได้สุงสิงกันมากนัก บรรยากาศการเรียนพระบาลีที่วัด เลียบสมัยนั้นมันหาได้ยากนะในสมัยนี้ มันเรียนแบบเอาเป็นเอาตายจริง ๆ เวลาบิณฑบาตเราก็โชค ดีหน่อย มีโยมที่คอยอุปัฏฐาก เรื่องอาหารการขบฉันจึงไม่มีปัญหา ปัจจัยเงินทองก็พอได้ใช้สอยไม่ ขัดสน หลังสอบบาลีเสร็จ บางปีก็จะกลับมาวัดโพธาราม และขึ้นมาเยี่ยมญาติพี่น้องที่บ้านคุยป่ารัง รอจนใกล้ประกาศผลสอบจึงค่อยกลับลงไปลุ้นผลสอบที่วัดเลียบ”

การศึกษาเปรียญธรรม ๖ ประโยคต่อนั้น หลวงพ่อเล่าว่ามีพระมหาอดิศร ป.ธ. ๘ และ พระพรหมวชิรานุวัตร (อาทร อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๙) เป็นครูสอน หลวงพ่อก็ยังตั้งมั่นที่จะสอบให้ผ่าน เปรียญธรรมชั้นนี้ให้ได้ เนื่องจากเป็นชั้นสูงสุดในระดับเปรียญโท แม้ในปีนี้เริ่มที่จะรับนิมนต์จาก หน่วยงานราชการและสถานศึกษาต่าง ๆ ในการบรรยายธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและ กิจกรรมอบรมด้านคุณธรรมจริยธรรม แต่หลวงพ่อก็ได้แบ่งเวลาในการท่องจำหนังสือไม่เคยทิ้งห่าง จนสามารถสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๖ ประโยคในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ในปีเดียวกันนี้หลวงพ่อยังได้รับ แต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักเรียนวัดราชบุรณะ และได้รับการแต่งตั้งเป็น กรรมการตรวจปัญหาบาลีสนามหลวง เมื่อใกล้ถึงเทศกาลสอบไล่พระบาลีหลวงพ่อยังได้ทำหน้าที่ เป็นวิทยากรอบรมบาลีก่อนสอบสนามหลวงของสำนักเรียนวัดราชบุรณะด้วย

ในระหว่างที่ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดราชบุรณะ หลวงพ่อมักจะกลับบ้านเกิดเป็นส่วนตัว ๒ - ๓ เดือนต่อ ๑ ครั้ง ไม่เคยห่างหายไปจากบ้านเกิดที่ญาติพี่น้องที่ผูกพันเลย และอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง คือ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๑ ครั้ง และในช่วงวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งเป็นวันจัดงาน เทศน์มหาชาติของที่พักสงฆ์คุยป่ารังอีกหนึ่งครั้ง หลวงพ่อจะพาญาติโยมจากกรุงเทพ ฯ นั่งรถตู้ ขึ้นมาด้วยครั้งละ ๒ - ๓ คัน แล้วพักที่บ้านโยมพี่สาว บางปีก็จะนำคณะผ้าป่าขึ้นมาทอดถวายที่พัก สงฆ์ แต่ปกตินั้นหลวงพ่อจะมีทุนการศึกษามาแจกนักเรียน มีข้าวของเครื่องใช้มาแจกผู้สูงอายุ มี อุปกรณ์การเรียนมาแจกนักเรียน พร้อมด้วยเครื่องไทยธรรมจำนวนมากมาถวายไว้ที่พักสงฆ์บ้าน คุยป่ารัง ทำให้หลวงพ่อเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านคุยป่ารังเป็นอย่างมาก

ช่วงที่หลวงพ่อพำนักศึกษาพระบาลีอยู่ที่วัดราชบุรณะ ได้รับการอุปถัมภ์จากโยมเจ้าของ ร้านขายเสื้อผ้าในกรุงเทพ ฯ หลวงพ่อเคยเล่าให้ผู้เขียนฟังคร่าว ๆ ว่า “ตอนเราอยู่วัดเลียบ ถือว่า โชคดีหน่อย มีโยมเขาศรัทธามาอุปถัมภ์เราทุกอย่าง เป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในกรุงเทพ ฯ ชื่อร้านพรเพ็ง ชื่อโยมพรพิมล มาอุปัฏฐากดูแล ทำอาหารมาถวาย ถวายปัจจัยในการใช้สอย สมัย นั้นปัจจัยก็หายากนะ พระเณรองค์ไหนมีโยมอุปถัมภ์ก็ถือว่าโชคดีโยมแม่ของโยมพรพิมลท่านรัก เรามาก รักเหมือนลูกชายคนหนึ่งเลยก็ว่าได้สนิทสนมคุ้นเคยกันทั้งครอบครัว เวลาจะกลับบ้านคุยป่ารังแต่ละทีก็จัดหารถตู้พามา บางปีก็จะจัดเสื้อผ้าให้มาแจกชาวบ้านด้วย ถือเป็นบุญวาสนาของ เรา ตอนมาอยู่วัดโพ ฯ ทางคุณโยมก็ยังคอยช่วยเหลือเรา”

เมื่อผ่านการสอบไล่เปรียญธรรม ๖ ประโยค ก็เข้าสู่การเรียนพระบาลีในระดับที่เข้มข้นขึ้น ในระดับเปรียญเอก หลวงพ่อเดินทางมาเรียนที่สำนักเรียนส่วนกลางของคณะสงฆ์ที่วัดสามพระยา และสามารถสอบไล่ได้ทุกปีต่อเนื่องจนกระทั่งสอบไล่ได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ หลวงพ่อบันทึกเกี่ยวกับครูสอนชั้นเปรียญธรรม ๗ - ๙ ประโยคไว้ว่าประกอบด้วย พระพรหมวชิร ธีรคุณ (สมคิด เขมจารี ป.ธ. ๙), พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙), พระราชสิริธรรมเมธี (ป.ธ. ๙), สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ. ๙), พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. ๙), พระราชเมธี (ป.ธ. ๘), พระมหาสถิตย์ (ป.ธ. ๙) และพระธรรมวโรดม (บุญมา คุณสมฺปนฺโน ป.ธ. ๙) เป็นต้น
ผลการสอบไล่เปรียญธรรม ๗ - ๙ ประโยค หลวงพ่อสามารถสอบไล่ได้ทุกปีต่อเนื่องตั้งแต่ เปรียญธรรม ๗ ประโยค ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ จนถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ผล การสอบไล่ครั้งนี้ทำให้เห็นว่าหลวงพ่อเป็นผู้มีความเพียรพยายามในการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติ ธรรมเป็นเลิศ และการสำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค ถือว่าเป็นระดับชั้นสูงสุดของ การศึกษาแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทย พระภิกษุสามเณรผู้สอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค จะ ได้รับพระราชทานพัดยศเปรียญธรรม ๙ ประโยค ซึ่งมีลักษณะเป็นพัดหน้านาง ประโยค ป.ธ. ๙ พื้นสักหลาดสีเหลืองด้ามสีขาว ปักดิ้นเลื่อมตรงกลางว่าง ไม่มีตัวเลข เมื่อเข้ารับพระราชทาน ปริญญาบัตรและพัดเปรียญในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้ว จะได้รับพระมหา กรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ จัดเจ้าพนักงานขับรถหลวงปลดระวาง ส่งถึงยังอาราม

หลังจากหลวงพ่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรและพัดเปรียญจากพระบาทสมเด็จ 
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้ว ก็มีการนำปริญญาบัตร
 และพัดเปรียญธรรม ๙ ประโยค มาจัดพิธีสมโภชที่ที่พักสงฆ์คุยป่ารัง ในช่วงเวลานั้นถือเป็นงานบุญใหญ่ของหมู่บ้าน บรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านต่างก็เตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความอิ่มเอมในใจ ครั้นถึงวันงานมีพระเถระผู้ใหญ่จากกรุงเทพ ฯ จากนครสวรรค์ และจากอารามต่าง ๆ ในจังหวัดกำแพงเพชร และที่คุ้นเคยกับหลวงพ่อมาร่วมงานแสดงมุทิตาจิตเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ญาติโยมจากกรุงเทพ ฯ นครสวรรค์ และชุมชนต่างๆ ก็มาร่วมกันนับพันคน ถือเป็นงานบุญใหญ่ ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่พักสงฆ์คุยป่ารังก็ว่าได้ ทำให้ชื่อของ “พระมหาวีระ” เป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวาง

ไม่เพียงแต่การศึกษาด้านพระปริยัติธรรมเท่านั้น ในช่วงที่ศึกษาระดับเปรียญเอก หลวงพ่อ ยังมองว่าการศึกษาทางโลกก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการศึกษาทางธรรม จำเป็นที่จะต้อง เรียนรู้ไปควบคู่กับการเรียนพระปริยัติธรรม หลวงพ่อจึงได้สมัครสอบเพื่อรับประกาศนียบัตร ประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.) ซึ่งเทียบเท่าระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ. สูง) หรือระดับอนุปริญญาของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะต้องสอบชุดวิชาบังคับได้ ๑ หมวด ชุด วิชาเลือกได้ ๕ หมวด และชุดวิชาเลือกพิเศษได้๖ หมวด ผู้ที่สอบผ่านจะได้รับการรับรองคุณวุฒิ จากกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งหลวงพ่อก็สามารถสอบผ่านสำเร็จชั้นประกาศนียบัตรประโยคครู พิเศษมัธยม (พ.ม.) ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับปีที่สอบไล่ได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค

ขณะเดียวกันก็ได้ใช้คุณวุฒิการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม. ๖) ที่สำเร็จจาก สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) อำเภอเมืองนครสวรรค์ เข้าสมัครเรียนต่อระดับปริญญา ตรีหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่ง เป็นมหาวิทยาลัยเปิด หลวงพ่ออ่านหนังสือและทบทวนความรู้ของวิชาต่าง ๆ ในแต่ละเทอมจน สามารถสอบผ่านทุกวิชาตามที่หลักสูตรกำหนด จนสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี หลักสูตรศึกษา ศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔

ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วงเวลาที่เรียนชั้นเปรียญเอกหลวงพ่อยังได้สมัครเข้าศึกษาต่อระดับ ปริญญาตรี หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต คณะพุทธศาสตร์ วิชาเอกศาสนา ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพ ฯ ซึ่งขณะนั้นยังมีสถานะเป็นเพียงมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ใน พระบรมราชูปถัมภ์ จนสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ เรียกกันว่า “พธ.บ. รุ่นที่ ๓๘”

เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยแล้ว หลวงพ่อมีความคิดว่าคงจะไม่ลาสิกขาแล้ว แม้ว่าในช่วงเวลาก่อนหน้านี้มีครูที่สอนบาลีและเพื่อนที่ เรียนด้วยกันได้ลาสิกขาไปหลายคน ด้วยคิดว่าการศึกษาพระบาลีนั้นทำให้ชีวิตของหลวงพ่อดีขึ้น จากการเป็นเด็กเลี้ยงควายกลายมาเป็นพระมหาผู้มีความรู้ มีการศึกษา และเป็นที่ยอมรับของ บุคคลทั่วไป ดังนั้น หลวงพ่อจึงอยากที่จะอยู่ในเพศบรรพชิตเพื่อที่จะเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ให้กับกุลบุตรผู้ที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้เข้ามาบรรพชาอุปสมบทและเล่าเรียนเพื่อยกฐานะ ความเป็นอยู่ของตนเองและครอบครัวให้ดีขึ้น มีอนาคตและมีทางเลือกในการประกอบอาชีพที่ หลากหลายขึ้น จึงเป็นครูสอนบาลีต่อที่วัดราชบูรณะ

หลังจากที่หลวงพ่อจากวัดราชบูรณะขึ้นไปอยู่วัดโพธาราม จังหวัดนครสวรรค์ และวัด พระบรมธาตุ จังหวัดกำแพงเพชร ในทุกวันที่ ๑๘ เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันทำบุญกตัญญู บูรพาจารย์รำลึกถึงอดีตเจ้าอาวาสและพระเถระของวัดราชบุรณะ หลวงพ่อจะเดินทางลงมาร่วม งานเป็นประจำทุกปีมิเคยขาด เพราะหลวงพ่อสำนึกในบุญคุณของพระเถระผู้เป็นครูบาอาจารย์ และสำนึกในบุญคุณของวัดราชบุรณะซึ่งเป็นทั้งสำนักเรียนและชายคาพักอาศัยจำพรรษาใน ระหว่างที่มาศึกษาต่อตั้งแต่ชั้นเปรียญธรรม ๕ ประโยค จนถึงชั้นเปรียญธรรม ๙ ประโยค และ ตั้งแต่เรียนปริญญาตรีจนจบปริญญาโท หลวงพ่อกล่าวกับผู้เขียนว่า “ที่เราได้มาเป็นเจ้าคุณ ได้มา เป็นอาจารย์ ได้เป็นมหาประโยค ๙ ส่วนหนึ่งก็เพราะบุญคุณของวัดเลียบ ที่เป็นแหล่งบ่มเพาะให้ เราเป็นผู้มีความมานะอดทนในการเรียนหนังสือ จนทำให้เราซึ่งจบแค่ ป. ๔ ได้จบประโยค ๙ และ จบด๊อกเตอร์”

ผู้เขียน : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีระวัฒน์ แสนคำ
#ติดตามอ่านต่อตอนที่  ๗
#หลวงตาเอก #วัดพระบรมธาตุนครชุม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!