จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
มีนาคม 13, 2025, 02:48:53 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ ๑๒เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก” ก่อนถึงวันพร  (อ่าน 18 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1473


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: มีนาคม 12, 2025, 04:53:20 pm »

เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวของ “พระเทพวชิรเมธี หรือ หลวงตาเอก”
ก่อนถึงวันพระราชทานเพลิงศพพระเทพวชิรเมธี,ผศ.ดร. (วีระ วรปญฺโญ)
เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร และเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง

ตอนที่ ๑๒: (ต่อ) แนวทางพัฒนาวัดพระบรมธาตุ : “๕ ปีซ่อม ๕ ปีสร้าง ๕ ปีสวย”

๕ ปีสวย
เป็นช่วงเวลาที่หลวงพ่อได้กำหนดไว้สำหรับการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวัด พระบรมธาตุตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ ถือเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิง กายภาพของวัดพระบรมธาตุเป็นอย่างมาก เพราะมีการปรับผังอาคารและเสนาสนะภายในวัดใหม่ เกือบทั้งหมด นำมาซึ่งความสง่างามขององค์พระบรมธาตุนครชุมในปัจจุบัน ซึ่งนับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นมาถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ผู้เขียนได้มาสัมผัสกับแนวทางพัฒนาวัดพระบรมธาตุ “๕ ปี สวย” ของหลวงพ่อ เนื่องจากผู้เขียนมาอยู่วัดพระบรมธาตุในช่วงกลางเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ใน ฐานะเด็กวัดที่ช่วยเป็นเลขานุการโครงการวิจัยของหลวงพ่อ ก่อนที่ภายหลังจะได้รับมอบหมายจาก หลวงพ่อให้เข้าสอนแทนในชั้นปีที่ ๔ สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ ของหน่วยวิทยบริการ ฯ มจร จังหวัดกำแพงเพชร และเป็นอาจารย์ประจำในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ หลังจากนั้นก็ได้รับรู้ในการพัฒนาสิ่ง ต่าง ๆ ของหลวงพ่อเรื่อยมา

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ถือเป็นปีที่เริ่มความเปลี่ยนแปลงของวัดพระบรมธาตุตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากในช่วงกลางเดือนมกราคมปีนั้น รัฐบาลของนาวสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มาจัดประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดกำแพงเพชร ทางรัฐบาลเปิดโอกาสให้หน่วยงานในท้องถิ่นเสนอ โครงการพัฒนาต่าง ๆ เข้ารับการพิจารณางบประมาณจากคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ เมื่อทาง หน่วยงานราชการทราบเรื่องก็ได้แจ้งให้หลวงพ่อทราบ เผื่อว่าหลวงพ่อจะเสนอโครงการเพื่อรับการ พิจารณา และก็เป็นเช่นนั้น หลวงพ่อได้เสนอโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์วัดพระบรมธาตุเพื่อขอรับ งบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล

ผู้เขียนจำได้ว่าในระหว่างที่หน่วยวิทยบริการ ฯ มจร จังหวัดกำแพงเพชร จัดกิจกรรม ปฏิบัติเฉลิมพระเกียรติประจำปีที่วัดเกาะรากเสียดนอก อำเภอโกสัมพีนคร หลวงพ่อได้เรียกให้ ผู้เขียนกับคุณจันทรา กุลนันทคุณ นักวิชาการวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร หรือที่หลวงพ่อเรียกว่า “คุณนายจันทร์” มาหารือและช่วยเขียนโครงการว่าจะปรับปรุงภูมิทัศน์วัด พระบรมธาตุอย่างไรบ้างที่ศาลากองอำนวยการ ณ วัดเกาะรากเสียดนอก หลวงพ่อ ผู้เขียนและ คุณนายจันทร์ก็ระดมความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง สุดท้ายก็ตกผลึก ส่งข้อมูลให้ทางหน่วยงาน โยธาธิการดำเนินการต่อ และเสนอโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์วัดพระบรมธาตุไปยังที่ประชุม คณะรัฐมนตรีในวงเงินที่จำได้คร่าว ๆ ราว ๓๐ ล้านบาท และเป็นที่โชคดีว่าในรัฐบาลมีนายวราเทพ รัตนากร ซึ่งเป็นชาวอำเภอบึงสามัคคี จังหวัดกำแพงเพชร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาลงพื้นที่เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการพิจารณา ปรากฏว่าทางคณะรัฐมนตรีอนุมัติ โครงการดังกล่าว ถ้าผู้เขียนจำไม่ผิดน่าจะได้รับอนุมัติงบประมาณที่ ๒๘ ล้านบาท โดยให้ใช้ งบประมาณจากปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ซึ่งสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ จนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ เมื่อมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีออกมา ทีมงานทุกคนดีใจตื่นเต้นกันใหญ่ และเป็นเกียรติของผู้เขียนอย่างยิ่งที่หลวงพ่อให้โอกาสและไว้ใจในการร่วมงาน ซึ่งขณะนั้น ผู้เขียนมีอายุเพียง ๒๕ ปีเท่านั้น

ในระหว่างที่รอการปรับปรุงภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ หลวงพ่อได้ขออนุญาตกรมศิลปากร ดำเนินการรื้อพื้นคอนกรีตลานรอบองค์พระบรมนครชุมออก เนื่องจากไม่สามารถระบายความชื้น และเกิดผลกระทบต่อองค์พระบรมธาตุ แล้วปูพื้นลานพระบรมธาตุด้วยกระเบื้องโบราณ (กระเบื้อง ดินเผา) สิ้นงบประมาณ ๓.๕ ล้านบาท ทั้งได้ปลูกต้นชวนชมขนาดใหญ่ประดับบริเวณรอบฐานองค์ พระบรมธาตุ จำนวน ๑๕๐ กระถาง โดยใช้กระถางเคลือบอย่างดีจากจังหวัดราชบุรี และปลูกต้น ตะโกดัด ๔ ทิศ เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติรอบองค์พระบรมธาตุ เมื่อถึงรอบปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ในปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ทางหน่วยงานราชการที่ รับผิดชอบโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์วัดพระบรมธาตุก็เข้ามาดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ถือเป็น การปรับภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ของวัดพระบรมธาตุ นำไปสู่การเปลี่ยนพื้นที่ทางทิศใต้ซึ่งเดิมเป็นด้านหลังวัดให้เป็นด้านหน้าวัดเพื่อให้สอดคล้องกับการคมนาคมในปัจจุบัน การปรับปรุงภูมิทัศน์ครั้งนี้ ประกอบด้วย
 ๑. รื้อถอนระเบียงรอบองค์พระบรมธาตุทางทิศใต้ออก รวมทั้งกองอำนวยการเดิมของวัด แล้วย้ายพระพุทธรูปปูนปั้นจำนวนมากที่ประดิษฐานอยู่ที่ระเบียงไปประดิษฐานที่เนินเขาที่ที่พัก สงฆ์หินชะโงก บ้านคุยป่ารัง ซึ่งเป็นที่พักสงฆ์ที่หลวงพ่อได้นำพาชาวบ้านคุยป่ารังพัฒนา เพื่อให้ เป็นที่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณรที่สนใจในการปฏิบัติกรรมฐานเป็นการเฉพาะ
๒. รื้อถอนหอระฆังเดิมที่ตั้งข้างลานพระบรมธาตุออก
๓. รื้อถอนหมู่กุฏิสงฆ์ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ขององค์พระบรมธาตุออกทั้งหมด รวม ๒๘ หลัง กุฏิสงฆ์ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นอาคารคอนกรีตยกพื้น ๑ ชั้น สร้างมาตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่ง ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ในช่วงหน้าฝนเกิดน้ำท่วมขัง ไม่สะดวกต่อการ พักของพระภิกษุสามเณร แล้วให้พระภิกษุสามเณรย้ายไปพักที่อาคารเรียนเดิมของโรงเรียนวัด พระบรมธาตุซึ่งปรับปรุงให้เป็นห้องพัก บางส่วนพักที่กุฏิไม้สักน๊อคดาวน์ ซึ่งจัดโซนไว้เป็นเขต สังฆาวาสโดยเฉพาะทางบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของวัด ซึ่งเป็นบริเวณต่อกับกุฏิเฉาก๊วยชากังราว ประชาสรรค์ที่สร้างไว้ก่อนหน้า
๔. เคลื่อนย้ายกุฏิหลวงปู่วิเชียรโมลี (ปลั่ง) อดีตเจ้าอาวาสที่มีการสร้างมาตั้งแต่ราว พ.ศ. ๒๔๗๐ จากเดิมที่หันหน้าเข้าหาองค์พระบรมธาตุ ให้เข้าแนวภูมิทัศน์ใหม่ โดยหันหน้ามาทางทิศ ตะวันออก ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์หลวงปู่วิเชียรโมลี
๕. เคลื่อนย้ายอาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรมหลังเก่าซึ่งเป็นอาคารไม้ ๒ ชั้น จากเดิมที่อยู่ ติดกับกุฏิหลวงปู่วิเชียรโมลีและหันหน้าเข้าหาองค์พระบรมธาตุ ให้เข้าแนวภูมิทัศน์ใหม่ โดยหัน หน้ามาทางทิศตะวันออก ถัดจากจากกุฏิหลวงปู่วิเชียรโมลี ปัจจุบันบูรณปฏิสังขรณ์และใช้เป็นหอ คัมภีร์โบราณ
๖. ตัดถนนจากถนนหลักสายนครชุมไปยังลานพระบรมธาตุ ทำฟุตบาท ทำวงเวียน ตรงหน้าองค์พระบรมธาตุ
๗. สร้างลานจอดรถ เทพื้นคอนกรีต ฝั่งตรงขามกับเขตสังฆาวาสใหม่ ซึ่งสามารถจอด รถยนต์ได้ประมาณ ๑๐๐ คัน
๘. สร้างรั้วด้านหน้าวัด และรั้วกั้นเขตสังฆาวาสกับเขตพุทธาวาส
๙. สร้างปุญญาคาร เป็นอาคารอำนวยการทำบุญและประชาสัมพันธ์ของวัด
๑๐. ตัดตั้งเสาไฟฟ้า ออกแบบเป็นเสาหงส์ส่องสว่างรอบลานพระบรมธาตุและถนน
๑๑. ปรับปรุงอาคารเรียน ป.๑ ข. ซึ่งเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนวัดพระบรมธาตุเดิม ใช้ ประโยชน์เป็นกุฏิสามเณร สามารถพักได้ประมาณ ๑๐๐ รูป

ในปีงบประมาณเดียวกันนี้ ทางจังหวัดกำแพงเพชรโดยนายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการ จังหวัด ยังได้อนุมัติงบประมาณเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณคลองสวนหมากทางทิศเหนือของวัด พระบรมธาตุ จากที่ตื้นเขินให้มีน้ำไหลเข้าเหมือนในอดีต มีการถมดินบริเวณร่องแนวคลองสวน หมากเดิมกับคลองสวนหมากปัจจุบันให้มีพื้นราบเสมอกับลานพระบรมธาตุ เพื่อที่จะสร้างอาคาร เพื่อส่งเสริมทางการท่องเที่ยวและเป็นอาคารทำกิจกรรมของชุมชน เบื้องต้นนั้นตามแผนคือว่าจะ สร้างให้เป็น “ตลาดน้ำนครชุม” ซึ่งท่านผู้ว่า ฯ สุรพลเคยมีประสบการณ์การทำตลาดน้ำที่ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ประสบความสำเร็จมาแล้ว

ในระหว่างการถมดินได้มีการค้นพบก้อนศิลาแลงขนาดใหญ่จำนวนมากที่บริเวณใกล้กับ ลานพระบรมธาตุ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นศิลาแลงส่วนประกอบของเสาและฐานวิหารหลวงของ วัดพระบรมธาตุในสมัยสุโขทัย ซึ่งครั้งสร้างพระบรมธาตุองค์ใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มีการนำ ก้อนศิลาแลงเหล่านี้ลงมาเป็นแนวกั้นกระแสน้ำเซาะตลิ่ง ทำให้ชาวนครชุมเรียกบริเวณนี้ว่า “หัว รอ” ผู้เขียนเสนอหลวงพ่อให้ทางผู้รับเหมาขุดศิลาแลงทั้งหมดขึ้นมาไว้แล้วค่อยถมดิน เพื่อเป็น หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลวงพ่อเห็นด้วยและขอร้องผู้รับเหมาตามนั้น ภายหลังหลวงพ่อได้นำ ก้อนศิลาแลงบางส่วนมาจัดแสดงไว้ตามมุมขององค์พระบรมธาตุ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา ความเป็นมาในอดีตของวัดพระบรมธาตุ

ผู้เขียน : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีระวัฒน์ แสนคำ
#ติดตามอ่านต่อตอนที่  ๑๓
#หลวงตาเอก #วัดพระบรมธาตุนครชุม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!