จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
พฤศจิกายน 24, 2024, 11:37:57 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช
ยินดีต้อนรับสมาชิก และผู้เยื่ยมชมทุกๆท่าน
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภาพยนตร์ชุด พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ จาก คุณอดุลย์ โพธิ์อ่วม นายกอบต.คณที กำแพงเพชร  (อ่าน 9042 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
apairach
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1440


ดูรายละเอียด อีเมล์
| |
« เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:50:05 pm »

ประวัติความเป็นมา ของ การสร้าง อนุสาวรีย์ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ที่ วัดปราสาท ตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
ภาพยนตร์ชุด พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ จาก คุณอดุลย์ โพธิ์อ่วม นายกอบต.คณที กำแพงเพชร
? เมื่อ: วันนี้ เวลา 04:50:05 pm ?
   




ประวัติความเป็นมา ของ การสร้าง อนุสาวรีย์ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ที่ วัดปราสาท ตำบลคณฑี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
[/color]








http://www.youtube.com/watch?v=i4hk-PLhawE




พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  :  เจ้าเมืองสุโขทัยเชื้อสายเมืองกำแพงเพชร
สืบค้นโดย นายรุ่งเรือง  สอนชู

               ข้อความในจารึกหลักที่ 2  ศิลาจารึกวัดศรีชุม  ในหนังสือประชุมศิลาจารึกภาคที่ 1
หน้าที่ 37-39  อธิบายว่าก่อนที่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยนั้น  
พ่อขุนศรีนาวนำถม ได้ครอบครองเมืองสุโขทัยและเมืองศรีสัชชนาลัยมาก่อน  แต่ถูกขอมขยายอำนาจมาครอบครอง   พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราดซึ่งเป็นโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถม ได้นำทหารเข้าร่วมวางแผนกับพ่อขุนบางกลางหาว ที่เมืองบางยาง เพื่อขับไล่ขอมออกไป    โดยพ่อขุนบางกลางหาวยึดได้เมืองศรีสัชชนาลัย  พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองร่วมกันไล่ขอม
สมาดโขลญลำพง แตกหนีไป  พ่อขุนผาเมืองได้เข้าเมืองสุโขทัยและได้อภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวขึ้นเป็นเจ้าเมืองสุโขทัยทรงพระนามว่า ?ศรีอินทรบดินทราทิตย์?    
                   ข้อความในจารึกหลักที่ 1 ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ในหนังสือประชุมศิลาจารึก
ภาคที่ 1 หน้า  17 ได้กล่าวถึงราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ว่า มีมเหสีชื่อนางเสือง  โอรสองค์โตเสียชีวิตเมื่อยังเล็ก  โอรสองค์ที่  2  พ่อขุนบานเมือง โอรสองค์ที่  3 พ่อขุนรามคำแหง หรือรามราช  องค์ที่ 4  และ 5  เป็นราชธิดา
                    จากจารึกหลักที่ 2 และ 1  นั้นไม่ได้กล่าวถึงเชื้อชาติตระกูล หรือถิ่นฐานของ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  ว่ามาจากที่ใด  
              การขื้นครองราชย์และสิ้นรัชกาลของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั้น ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเอกสารต่าง ๆ ที่มีผู้มีความรอบรู้ทางประวัติศาสตร์นำข้อมูลมาเสนอลงในเอกสารดังต่อไปนี้
                   ในหนังสือประวัติศาสตร์ไทย ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกจนถึงสิ้นอยุธยา  หน้าที่ 85-86 กล่าวถึงบุคคล  2  ท่านที่เกี่ยวข้องกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
                     1   นายตรี  อมาตยกุล    เสนอว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขี้นครองราชย์    เมื่อ
พ.ศ.  1781  ไม่ระบุว่าสิ้นรัชกาล เมื่อใด                  
                     2.  ดร. ประเสริฐ ณ นคร เสนอว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขึ้นครองราชย์เมื่อ
พ.ศ. 1762-1781 ไม่ระบุว่าสิ้นรัชกาล เมื่อใด                
                     ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1 หน้า 371 ทำตารางเสนอว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.  1792   ไม่ระบุสิ้นรัชกาล แต่ระบุสิ้นรัชกาล
ของพ่อขุนบานเมืองว่า พ.ศ. 1822  และพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 1822
                     ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์  หน้า 108  ไม่ระบุการขึ้นครองราชย์ และสิ้นรัชกาลของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  แต่ระบุว่าพ่อขุนบาลเมืองขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 1821 และพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์ในปีเดียวกันคือ  พ.ศ. 1821

2

                   ตามหลักฐานของการขึ้นครองราชย์และสิ้นรัชกาลนั้น  ผู้เขียนพอจะสรุปได้ว่า
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 1762-1792  และสิ้นรัชกาลเมื่อ  พ.ศ. 1821
พระร่วงเจ้าเมืองสุโขทัยมีเชื้อสายเป็นชาวเมืองกำแพงเพชร
                   จากหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1  หน้า  177-188  ได้กล่าวถึงพระร่วงองค์หนึ่งซึ่งภายหลังได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองสุโขทัย  โดยมี อัยกา(ปู่) และ ชนก (พ่อ) เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร  โดยจะขอนำเรื่องราวโดยย่อมาเสนอดังนี้
                    เมื่อ จุลศักราช  536   พระเจ้าสุริยราชาเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าปทุมสุริยวงษ์ได้มาครอบครองเมืองพิจิตรปราการแล้วขึ้นครองราชย์  หลังสิ้นพระชนม์ลง  โอรสคือพระเจ้าจันทกุมาร ขึ้นครองราชย์ต่อมาเมื่อจุลศักราช 570  ทรงพระนามว่าพระเจ้าจันทราชา  ในเวลาต่อมาทรงทิ้งเมืองกำแพงเพชรไปสร้างเมืองสุโขทัย
              อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าจันทราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยทหารจำนวนมาก พบหญิงสาวนางหนึ่งมีรูปโฉมงดงาม พระองค์มีความเสน่หา  รักใคร่และได้นางนั้น  ชักชวนให้เข้าไปอยู่ในวังเพื่อให้เป็นเอกอัครนารี  แต่นางปฏิเสธ ทำให้พระเจ้าจันทราชากลับคืนสู่พระราชวังโดยไม่มีหญิงงามนั้นติดตามไปด้วย   ต่อมาหญิงนั้นตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นบุตรชาย  ทิ้งไว้ในไร่อ้อย  ตากับยายเจ้าของไร่อ้อยมาพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงไว้  เมื่อโตขึ้นอายุได้ 15 ปี มีรูปโฉมลักษณะงดงาม มีอานุภาพมากจะออกปากสิ่งใดก็เป็นไปตามนั้น และได้ตั้งชื่อว่า พระร่วง
                      กิตติศัพท์อันนี้ทราบไปถึงพระเจ้าจันทราชาผู้ปกครองกรุงสุโขทัย  จึงเกิดสงสัย
ตรัสสั่งทหารให้ไปหาตายายเจ้าของไร่อ้อยพร้อมเด็กหนุ่มนั้นเข้าเฝ้า  ตาและยายได้เล่าถึงการได้มาของเด็กหนุ่มนั้นตามลำดับ  พระเจ้าจันทราชาจึงเชื่อว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นโอรสของพระองค์เองที่เกิดกับหญิงสาวในคราวที่ออกประพาสป่าและนางนั้นไม่ยอมที่จะเข้าไปอยู่ในวังด้วย  จึงให้รับพระร่วงนั้นเลี้ยงไว้เป็นพระราชโอรสของพระองค์ในพระราชวัง
                     ในช่วงระยะนั้นเมืองสุโขทัยได้ถูกขอมขยายอำนาจมาครอบครอง จำเป็นต้องส่งส่วยน้ำให้กับขอม  พระร่วงได้ทูลให้พระเจ้าจันทราชา งดส่งส่วยน้ำ   ทางฝ่ายขอมเห็นว่าสุโขทัยเริ่มแข็งข้อกระด้างกระเดื่อง จึงยกทัพมาปราบปราม  พระร่วงได้นำกองทัพเข้าต่อสู้จนสามารถขับไล่กองทัพขอมออกไป และได้ช่วยดูแลเมืองสุโขทัยตลอดมา  พระเจ้าจันทราชาขึ้นครองราชย์ได้ 30 ปี ก็สิ้นพระชนม์  พระร่วงได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยต่อมา
                       ในปลายรัชกาลนั้น มีชาวมอญชื่อมะกะโท้ เข้ามาค้าขายในเมืองสุโขทัย  แล้วเลิก
เข้าไปฝากตัวอยู่กับนายช้างพระที่นั่งโรงใน ช่วยดูแลรักษาเก็บกวาดมูลช้างทำให้โรงช้างสะอาด

3

อยู่เสมอ นายช้างให้ความเมตตารักใคร่  นายมะกะโท้ทำความดีเรื่อยมาจนเป็นที่โปรดปรานของพระร่วงเจ้า จนได้เลื่อนให้มะกะโท้ขึ้นเป็นขุนวัง  ตำแหน่งกรมวัง
                       เกิดขบถขึ้นตามชานเมือง  พระร่วงทรงเสด็จกรีฑาทัพไปปราบปรามด้วย
พระองค์เอง ตรัสสั่งให้มะกะโท้ผู้เป็นกรมวังเฝ้ารักษาพระนคร  มะกะโท้ซึ่งมีความรักใคร่ต่อนางสุวรรณเทวีพระราชธิดาของพระร่วงอยู่แล้ว  ก็ลอบรักใคร่กับพระราชธิดานั้น  ข้าราชการทั้งหลายในวังนั้นรู้เรื่องทั้งหมด   ทำให้มะกะโท้กลัวพระราชอาชญาสมเด็จพระร่วงเจ้า  จึงตัดสินใจพาพระราชธิดานั้นหนีออกจากสุโขทัยไปอยู่ที่บ้านตะเกาะวุนซึ่งเป็นบ้านเดิมของตน
                           เมื่อพระร่วงเจ้าได้ปราบปรามชาวขบถตามชายแดนจนราบคาบแล้วก็เสด็จกลับเมืองสุโขทัย  ข้าราชการได้รายงานเรื่องการกระทำของมะกะโท้ให้พระร่วงเจ้าทรงทราบ
พระร่วงเจ้าทรงโปรดปรานมะกะโท้อยู่ก่อนแล้ว  จึงไม่ทรงพิโรธแต่ประการใด แต่กลับทรงอวยพรให้ไป ทั้งนี้ด้วยอำนาจบุญบารมีของมะกะโท้ จะได้เป็นกษัตริย์ใหญ่ในประเทศรามัญ
                          ในเวลาต่อมา  ด้วยอำนาจวาสนาของมะกะโท้  ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์เมือง
เมาะตะมะ  ทรงพระนามว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว
                           พระร่วงได้ครองราชย์สมบัติเป็นเป็นสุขมาช้านาน เมื่อแรกขึ้นครองราชย์สมบัติ
มีพระชนม์ได้ 35 พรรษา อยู่ในราชสมบัติได้  40  พรรษา รวมพระชนมายุ 75 พรรษาก็เสด็จสวรรคต
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เขียน
                          ผู้เขียนได้สืบค้นหาชื่อเมืองพิจิตรปราการที่พระเจ้าสุริยราชาเชื้อสายเขมร
มาครอบครอง เมื่อจุลศักราช 536 หรือ พ.ศ. 1717 ได้พบในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า
หน้า 11, 180 และ201 ได้อธิบายว่าเมืองพิจิตรปราการนั้นคือเมืองกำแพงเพชร
                           จากเรื่องราวที่นำมาเสนอนั้น สรุปได้ว่าพระร่วง มีอัยกาและชนก เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร จริง พระร่วงได้เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. 1781 และสิ้นรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 1821
                           หนังสือคำให้การกรุงเก่า หน้า 180 พระเจ้าจันทราชาได้ไปครอบครอง
เมืองสวรรคโลกด้วย  ผู้เขียนเชื่อว่าคงทิ้งเมืองกำแพงเพชรไปสวรรคโลกก่อนที่จะมาครอบครองสุโขทัยในคราวหลัง
                    จากการตรวจสอบเรื่องราวของมะกะโท้ ในระยะเวลาที่เข้ามาอยู่ที่เมืองสุโขทัย
ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 10  หน้า  14  ซึ่งเป็นพงศาวดารของพม่ารามัญ พบว่ามะกะโท้ได้เข้ามารับราชการที่กรุงสุโขทัยในรัชกาลของพระร่วง

             4
เมื่อ จุลศักราช 634 (พ.ศ. 1815)  ในคราวหลังได้หลบหนีกลับไปอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ  เมื่อถึงจุลศักราช 643 (พ.ศ. 1824) คิดขบถจับอลิมามางเจ้าเมืองเมาะตะมะฆ่าเสีย มะกะโท้ก็ได้เป็นใหญ่ในเมืองเมาะตะมะ  ครั้นต่อมามีอานุภาพมาก แล้วตั้งตัวข้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า ?สมิงวาโร? แต่คนไทยเรียกว่า  ?พระเจ้าฟ้ารั่ว?
                         เมื่อมะกะโท้เข้ามารับราชการที่เมืองสุโขทัย เมือจุลศักราช 643 (พ.ศ. 1815) นั้นแสดงว่ามาในปลายสมัยของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ก่อนที่พ่อขุนบานเมืองและพ่อขุนรามคำแหงจะขึ้นครองราชย์  6-7 ปี
                         หลักฐานจากศิลาจารึก  หลักที่ 2 และหลักที่ 1 ได้กล่าวถึงการขึ้นครองราชย์
เมืองสุโขทัย ใช้พระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์   ส่วนประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม1
ใช้พระนามว่า พระร่วง  ระยะเวลาการขึ้นครองราชย์นั้นมีทั้งตรงกันและแตกต่างกัน ส่วนวัน
สิ้นรัชกาลนั้นตรงกัน
                           ดังนั้น เจ้าเมืองสุโขทัย ทรงพระนามว่า ?พ่อขุนศรีอินทราทิตย์?  จากศิลาจารึก  และ ?พระร่วง?  จากประชุมพงศาวดารฯ ย่อมเป็นบุคคลคนเดียวกัน โดยอาศัยหลักฐานต่อไปนี้
                           1.เป็นไปได้ยากที่เจ้าเมืองสุโขทัยจะมีเจ้าเมืองสองพระองค์ ขึ้นครองราชย์ ในเวลา
เดียวกันหรือใกล้เคียง และสั้นรัชกาลในปีเดียวกัน
                           2.พ่อขุนบานเมืองและพ่อขุนรามคำแหงคงไม่ยอมที่จะให้ผู้อื่นเป็นเจ้าเมืองคู่กับ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
                           3. พงศาวดารพม่าได้บันทึกว่า มะกะโท้ เข้ามารับราชการที่กรุงสุโขทัยกับพระร่วง
 เมื่อ พ.ศ. 1815  พระร่วงยกกองทัพไปปราบขบถที่ชานเมือง โดยมอบมะกะโท้ อยู่รักษาพระราชวัง  ย่อมหมายถึงไม่มีเจ้าเมืองสุโขทัยอีกแล้วถึงต้องมอบอำนาจ ให้กับมะกะโท้
                  4. จากหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์  หน้า 112  เจ้าเมืองสุโขทัยมีพระนามได้ 3 พระนาม คือพระโรจราช  หรือพระร่วง  หรือ  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์หรือพระร่วงประสูติที่ใด
                        จากชินกาลมาลีปกรณ์ ในหน้า 112-113 ตอนหนึ่งมีข้อความถึงการประสูติ
                    ? ได้ยินว่า  ที่ตำบลที่บ้านโค  ยังมีชายคนหนึ่งรูปงาม มีกำลังมาก  ท่องเที่ยวอยู่ในป่า มีนางเทพธิดาองค์หนึ่ง  เห็นชายคนนั้นแล้ว ใคร่จะร่วมสังวาสด้วย  จึงแสดงมารยาหญิง  ชายคนนั้นก็ร่วมสังวาสกับนางเทพธิดาองค์นั้น  เนื่องจากการร่วมสังวาสของเขาทั้งสองนั้น  จึงเกิดบุตรชายหนึ่ง


และบุตรชายคนนั้นมีกำลังมาก  รูปงาม เพราะฉะนั้น  ชาวบ้านทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทำราชาภิเษกบุตรชายคนนั้น  บุตรชายซึ่งครองราชย์สมบัติในเมืองสุโขทัยนั้น ปรากฏพระนามในครั้งนั้นว่า
โรจราช ภายหลังปรากฏพระนามว่า พระเจ้าล่วง?
                              ผู้แปลหนังสือเล่มนี้มีคำอธิบายว่า   บ้านโค  อาจเป็น  บ้านโคน จังหวัดกำแพงเพชร  
                              ผู้เขียนเชื่อว่า บ้านโค ก็คือ บ้านโคน อันเป็นที่เกิดของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เพราะมีอัยกาและชนกเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชรอยู่แล้ว และพระร่วงนั้นเกิดก่อนที่พระเจ้าจันทราชาจะขึ้นเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร 6-7 ปี
                               ประชุมศิลาจารึก ภาค 1 ในหน้า  144-146  เป็นจารึก หลักที่ 13  จารึกบนฐานรูปพระอิศวรสัมฤทธิ์ สร้างเมื่อพ.ศ. 2053 โดยเจ้าเมืองกำแพงเพชร คือเจ้าพระยาศรีธรรมมาโศกราช ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดกำแพงเพชร  เรื่องราวที่จารึกนั้นข้อความตอนหนึ่งเมื่อแปลแล้วได้ความว่า ? อนึ่งท่อปู่พระยาร่วงทำเอาน้ำไปถีงเมืองบางพานนั้น ก็ถมหายสิ้นและเขาย่อมทำนาทางฟ้า และหาท่อนั้นพบ กระทำท่อเอาน้ำเข้าไปเลี้ยงนา?
                                แสดงว่า พระร่วงองค์นั้นจะต้องเป็นชาวกำแพงเพชรด้วย เพราะมี ปู่เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงมีความสามารถที่สั่งให้ขุดคลองส่งน้ำจากกำแพงเพชรไปถึงเมืองบางพานได้  และอาจเป็นเป็นไปได้ว่า ปู่พระยาร่วงองค์นั้น คือ พระเจ้าสุริยราชา พระอัยกาของ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั่นเอง
บรรณานุกรม
กรมศิลปากร, คำให้การชาวกรุงเก่า  คำให้การขุนหลวงหาวัด และ พระราชพงสาวดารกรุงเก่า ฉบับ        
                   หลวงประเสริฐอักษรนิติ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์คลังวิทยา,2515.
คณะกรรมการพิจารณาและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์, ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 1.
                    กรุงเทพมหานคร : สำนักนายกรัฐมนตรี, 2521.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
                    ภิเษก เล่ม 1. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2542.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
                    ภิเษก เล่ม 10. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2542.
ถนอม  อานามวัฒน์และคณะ,ประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่สมัยเริ่มแรงจนถึงสิ้นอยุธยา.
                     กรุงเทพมหานคร : คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,  2528.
แสง  มนวิทูร, ร.ต.ท.  ชินกาลมาลีปกรณ์.(พิมพ์อนุสรณ์นายกี่  นิมมานเหมินทร์) มิตรนราการพิมพ์,
                      2510.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2011, 05:15:57 pm โดย apairach » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!