เมืองกำแพงเพชร มีชื่อหลายชื่อ
สืบค้นโดยอาจารย์รุ่งเรือง สอนชู
ตามตำนานเชียงแสน หน้า 107 และพงศาวดารโยนก หน้า 490-491 ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 7 มีข้อความที่กล่าวตรงกันว่า พระเจ้าไชยศิริเชียงแสนได้ทรงสถาปนา?เมืองกำแพงเพชร? เมื่อวันอังคาร แรม 4 ค่ำ เดือน เก้า ปีมะเส็ง พ.ศ. 1547 ในคราวที่พระเจ้าไชยศิรินำหมู่บ้านทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิงคือฝั่งนครชุมและฝั่งชากังราวมาสถาปนาขึ้นเป็นเมืองกำแพงเพชรนั้น ยังไม่มีการสร้างคูเมือง หรือกำแพงเมืองแต่อย่างใด แต่ได้มีการสร้างเมืองกำแพงเพชรขึ้นในคราวหลัง มีหลักฐานระบุไว้ว่าสร้างเมืองกำแพงเพชรครั้งแรกที่ฝั่งนครชุม เมื่อประมาณ พ.ศ. 1800-1900 และมีหลักฐานระบุว่าสร้างเมืองกำแพงเพชรครั้งที่ 2 ฝั่งชากังราว เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 20-21
จากเอกสารต่างๆ ที่ได้สืบค้น พบว่า เมืองกำแพงเพชรนั้น มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นได้หลายชื่อ ได้แก่
1. เมืองนครชุม
2. เมืองชากังราว
3. เมืองพิจิตรปราการ
4. เมืองวิเชียรปราการ
5. เมืองเชลียง
6. เมืองบลางพล หรือ บางพล หรือปางพล
ในข้อที่ 1 และ 2 เรียกเมืองกำแพงเพชรว่า เมืองนครชุมและเมืองชากังราว นั้น ความเห็นของผู้เขียนเชื่อว่า การสร้างเมืองกำแพงเพชรครั้งแรกสร้างที่ฝั่งนครชุม จึงเรียกชื่อเมืองตามชื่อสถานที่ใช้สร้างว่า ?เมืองนครชุม? และเช่นเดียวกัน สร้างเมืองกำแพงเพชรครั้งที่ 2 ที่ฝั่งชากังราว ก็เรียกชื่อเมืองกำแพงเพชรครั้งนั้นว่า ?ชากังราว?
ในข้อที่ 3 เมืองพิจิตปราการ และ 4 เมืองวิเชียรปราการ สืบค้นได้ในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า หน้า 11 ว่าหมายถึงเมืองกำแพงเพชร ตามข้อความที่ได้คัดลอกดังนี้
?เชื้อวงศ์ของพระองค์ได้ครองราชย์สมบัติสืบต่อมารวม 15 พระองค์
อนึ่งโอฆบุรี เมืองพิไชย เมืองพิจิตรปราการ (วิเชียรปราการ คือกำแพงเพชร) เมืองทมันไป้ เมืองทั้ง 4 ที่กล่าวมานี้ เชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์เป็นผู้สร้างขึ้นไว้?
ในหนังสือเล่มเดียวกัน หน้าที่ 200-201 ได้อธิบายถึงชื่อหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทยรวมทั้งเมืองกำแพงเพชร ตามข้อความที่คัดลอก ดังนี้
97. เมืองพิไชยนคร (เมืองพิไชย)
98. เมืองพิจิตรปราการ (เมืองวิเชียรปราการ คือเมืองกำแพงเพชร)
99. เมืองสิงห์บุรี (ตรง)
ข้อที่ 5 เรียกเมืองกำแพงเพชรว่า เชลียง สืบค้นได้ จากหนังสือ 2 เล่ม ได้แก่
1.จากเรื่อง จดหมายเหตุโหร ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1 หน้า 11 ได้กล่าวถึงวันประสูติของพระเจ้าพรหมผู้ซึ่งเคยไล่ปราบขอมมาถึงเมืองกำแพงเพชร โดยมีข้อความว่า
?ปีมะเส็ง จ.ศ. 283 วันพุธ แรม 6 ค่ำ เดือนแปด เวลารุ่งเช้า เกิดพระเจ้าพรหมราชกษัตริยิ์ที่ 41 เชียงแสน ซึ่งปราบขอมพ่ายแพ้ลงมาถึงแดนชะเลียง?
คำว่า ?ชะเลียง? มีเชิงอรรถอธิบายว่าหมายถึง กำแพงเพชร ดังนี้
?ต้นฉบับที่ใช้ตรวจสอบใช้ว่า กำแพงเพ็ชร์?
2. พงศาวดารโยนก เรื่อง ว่าด้วยติโลกราชทำศึกกับสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 7 หน้า 595 มีเรื่องราวที่สรุปได้ว่า พระยาอุทิศเจียง
เจ้าเมืองพิษณุโลกยอมเป็นเมืองขึ้นต่อเจ้าเมืองเชียงใหม่ จึงทำให้พระยาติโลกราชเจ้าเมืองเชียงใหม่คิดที่จะแย่งชิงเอาอาณาจักรสุโขทัยทั้งหมดจากกรุงศรีอยุธยา จึงได้ยกทับหลวงไปเมืองพิษณุโลกและออกโจมตียึดเมืองอื่นๆ และได้ยกทัพเข้าสู่เมืองกำแพงเพชร แต่เรียกชื่อเมืองกำแพงเพชรว่า เมืองเชลียง ดังข้อความทีคัดลอกมาเป็นบางส่วน ดังนี้
?พระยาติโลกราชเจ้านครพิงค์เชียงใหม่ เสด็จยกทัพหลวงไปเมืองสองแคว เพื่อจะป้องกันเอาเมืองฝ่ายเหนือแห่งพระนครศรีอยุธยา จึงเสด็จไปตั้งทัพอยู่ ณ เมืองทุ่งยั้ง มีรี้พลทัพหลวงสี่หมื่น ทัพหัวเมืองหมื่นหนึ่ง รวมเป็นห้าหมื่น แล้วยกไปตั้งอยู่ข้างแม่น้ำกรังในเมืองสองแคว 20 วัน จึงยกไปตีปากยม ครั้นได้ปากยมแล้ว จึงให้หมื่นหารนครยกไปตีเมืองเชลียงไปถึงตำบลน้ำรึม เพลาค่ำมีมหาเถรรูปหนึ่งมาบอกว่า ที่นี้ไม่ควรยั้งควรนอน ชาวเชลียงเขามีมากนักจักมากระทำร้าย หมื่นยี่ซาตอบว่าเจ้ากูอย่าร้อนใจ ตูข้าหากหลายนักมักมิเป็นไร ก็พากันพักแรม ณ ที่นั้น ครั้นเพลาเที่ยงคืนชาวเชลียงยกออกมาปล้นทัพ
หมื่นนคร เสียชาวนครไปมากนัก (นครนี้คือนครลำปาง)?
ตำบลน้ำรึม มีเชิงอรรถอธิบายว่า ?บ้านน้ำรึมอยู่ใกล้เมืองกำแพงเพชรสัก 200 เส้น?
ดังนั้นชาวเมืองเชลียง ย่อมหมายถึงเมืองกำแพงเพชร ถ้าเป็นเชลียง(ศรีสัชนาลัย) ระยะทางไกลเกินไปที่ยกทัพมาตีทหารของพระยาติโลกราชที่ตำบลน้ำรึมได้
ข้อที่ 6 เรียกเมืองกำแพงเพชร ว่า บลางพล หรือ บางพล หรือ ปางพล สืบค้นได้จากหนังสือ 2 เล่มได้แก่
1. เรื่องหริภุญไชย ว่าด้วยระยะทางนางจามเทวี จากพงศาวดารโยนก ในหนังสือ
ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1 หน้า 500 เป็นเรื่องที่กล่าวถึงการเดินทางของพระนางจามเทวีจากเมืองลพบุรีขึ้นไปเมืองลำพูน ซึ่งเคยพักที่เมืองกำแพงเพชร แต่เรียกกำแพงเพชรว่า ?บางพล?ดังข้อความที่คัดลอกมาเป็นบางส่วนดังนี้
?ครั้นยกจากเมืองบางประบาง ไปประทับพักพล ณ เมืองคันธิกะ ยกจากเมืองคันธิกะไปประทับพักพล ณ เมืองบุรัฐะ ยกจากเมืองบุรัฐะขึ้นไปประทับ ณ เมืองบุราณะ ยกจากเมืองบุราณะขึ้นไปประทับเมืองเทพบุรี (บ้านโคน) ยกจากเมืองเทพบุรีไปประทับเมืองบางพล(กำแพงเพชร) ยกจากเมืองบางพลไปประทับเมืองรากเสยด (ที่เกาะรากเสียด)?
2. จากหนังสือตำนานมูลศาสนา เชียงใหม่ เชียงตุง ในหน้า 13 ซึ่ง ศ.ดร. ประเสริฐ ณ นคร และ
นายปวงคำ ตุ้ยเขียว ผู้ปริวัตร ได้กล่าวสรุปชื่อเมืองบลางพล หรือ ปางพล ว่าหมายถึงเมืองกำแพงเพชร ดังนี้
?เมืองบลางพล คือเมืองกำแพงเพชร (สด.29 ปด.59) ฉบับป่าแดงเชียงตุง พูดถึงพระสุริยธิกรณเป็นประธานของพระเมืองปางพล ส่วนฉบับสวนดอกว่าท้าวแสนสอยดาวแห่งกำแพงเพชรมอบเรื่องศาสนาไว้กับพระมหาสุริยาธิกรณ แสดงว่ากำแพงเพชรคือ บลางพล
อ้างอิง
กรมศิลปากร, คำให้การชาวกรุงเก่า คำให้การขุนหลวงหาวัด และ พระราชพงสาวดารกรุงเก่า ฉบับ
หลวงประเสริฐอักษรนิติ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์คลังวิทยา,2515.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี. ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
ภิเษก เล่ม 1. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2542.
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี. ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนา
ภิเษก เล่ม 7. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, 2545.
สมาคมประวัติศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี.
ตำนานมูลศาสนาเชียงใหม่และเชียงตุง. กรุงเทพมหานคร: ศักดิ์โสภาการพิมพ์,2537.